‘สี จิ้นผิง’ ขอให้ ‘เยอรมนี’ ช่วยแก้ปัญหาอียูขึ้นภาษีอีวีจีนในอัตราสูงลิ่ว

‘สี จิ้นผิง’ ขอให้ ‘เยอรมนี’ ช่วยแก้ปัญหาอียูขึ้นภาษีอีวีจีนในอัตราสูงลิ่ว

‘สี จิ้นผิง’ เรียกร้องให้ ‘โอลาฟ ชอลซ์’ ของเยอรมนี ช่วยเร่งแก้ปัญหาภาษีศุลกากรที่สูงถึง 45% ซึ่งสหภาพยุโรปเรียกเก็บกับรถยนต์ไฟฟ้าจีน ขณะที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสงครามในยูเครน

เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานอ้างสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนว่า ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ของจีนได้ขอให้นายกรัฐมนตรี “โอลาฟ ชอลซ์” ของเยอรมนี ช่วยแก้ปัญหาภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บกับรถยนต์ไฟฟ้าจีนในอัตราที่สูงลิ่วถึง 45% โดยเร็วที่สุด ซึ่งเยอรมนีเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่คัดค้านการเก็บภาษีอีวีจีนในอัตราสูง

ในการเจรจาระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ G20 ที่นครรีโอเดจาเนโรแห่งบราซิล ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวว่า จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับเยอรมนีเพื่อ “เสริมสร้าง” ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์โดยรวม ก่อนที่จะหยิบยกประเด็นเรื่องภาษีของสหภาพยุโรปที่เรียกเก็บกับอีวีที่ผลิตในจีน ซึ่งเพิ่มโอกาสสงครามการค้าระหว่างปักกิ่งและกลุ่มสหภาพยุโรป

“หวังว่ายุโรปและจีนจะสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าผ่านการเจรจาและการหารือได้โดยเร็ว และทางเยอรมนีพร้อมที่จะพยายามอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้” ประธานาธิบดีสีกล่าว ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัวของจีน

โฆษกของรัฐบาลเยอรมนีกล่าวในแถลงการณ์ว่า การประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีชอลซ์และประธานาธิบดีสีใช้เวลาทั้งสิ้น 30 นาที โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือถึงประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงสงครามยูเครนและสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกิดอันตรายจากการยกระดับความขัดแย้ง อันเนื่องมาจากการส่งกำลังทหารของเกาหลีเหนือ” แถลงการณ์ระบุ โดยอ้างถึงรายงานของสหรัฐที่ระบุว่าเกาหลีเหนือได้ส่งทหารจำนวน 11,000 นายเพื่อช่วยรัสเซียต่อสู้กับยูเครน

ชอลซ์ยังกล่าวกับสีว่า การสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อเร็วๆ นี้กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครนได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นเรื่องที่ “ชวนให้ถอดถอนใจ” ตามที่แถลงการณ์ของเยอรมนีระบุ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู โดยสีได้เปิดท่าเรือแปซิฟิกซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากจีน

อ้างอิง: nikkei