COP29 บรรลุงบ 300,000 ล้านดอลลาร์ แต่ประเทศกำลังพัฒนาโวยเงินช่วยเหลือไม่พอ

COP29 บรรลุงบ 300,000 ล้านดอลลาร์ แต่ประเทศกำลังพัฒนาโวยเงินช่วยเหลือไม่พอ

COP29 บรรลุข้อตกลงให้เงินช่วยเหลือประเทศยากจน 300,0000 ล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อรับมือกับผลกระทบด้านสภาพอากาศที่เลวร้าย แต่ประเทศกำลังพัฒนาโต้ว่างบดังกล่าวยังไม่เพียงพอ

ในการประชุม COP29 ณ กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ในวันอาทิตย์ ผู้แทนเจรจาสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ บรรลุข้อตกลงงบประมาณด้านสภาพภูมิอากาศใหม่ โดยประเทศร่ำรวยให้คำมั่นจัดหาเงินทุน 300,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ให้กับประเทศยากจนภายในปี 2578 เพื่อช่วยเหลือประเทศเหล่านั้นรับมือผลกระทบอันเลวร้ายของวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาวิจารณ์ว่า งบประมาณดังกล่าวไม่เพียงพอ และข้อตกลงดังกล่าวก็บรรลุช้าไปหนึ่งวันจากกำหนดการ

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดความขัดแย้งในการเจรจามานานราวสองสัปดาห์ ส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนจากการคว่ำบาตร เกิดการโต้เถียงทางการเมือง และมีการกล่าวเข้าข้างเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างเปิดเผย

เป้าหมายใหม่นี้เพิ่มขึ้นจากคํามั่นสัญญาเดิม 100,000 ล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังน้อยกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ที่กลุ่มประเทศกําลังพัฒนา 134 ประเทศเรียกร้อง แต่ประเทศที่ร่ำรวยปฏิเสธเนื่องจากจำนวนเงินที่สูงกว่านี้ไม่สอดดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

ด้านไซมอน สตีล หัวหน้าอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า เป้าหมายทางการเงินใหม่นี้ เป็นกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อมนุษยชาติ ท่ามกลางผลกระทบจากสภาพอากาศที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในทุกประเทศ

อย่างไรก็ตาม เงินจำนวนดังกล่าวยังคงห่างไกลจากเป้าหมาย 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าเป็นงบประมาณที่จำเป็นต่อการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา เพื่อรับมือกับวิกฤติสภาพอากาศ และได้รับการตอบโต้ที่รุนแรงจากประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ

อาทิ จันทนี ไรนา ผู้แทนจากอินเดีย กล่าวว่าเงิน 300,000 ล้านดอลลาร์เป็น "จำนวนเงินที่น้อย" และมองว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียง "ภาพลวงตา" และไม่สามารถแก้ไขความท้าทายใหญ่หลวงที่ทุกคนต้องเผชิญ

ขณะที่ทีนา สเตจ ผู้แทนจาก ทูตด้านสภาพอากาศจากหมู่เกาะมาร์แชลล์บอกว่า “เราออกจากที่นี่พร้อมกับเงินทุนส่วนน้อยที่ประเทศกลุ่มเปราะบางต่อสภาพอากาศต้องการอย่างเร่งด่วน”

สเตจได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเผยให้เห็นว่ามีการฉวยโอกาสทางการเมืองอย่างเลวร้ายที่สุด และเธอระบุในแถลงว่า “ผลประโยชน์ด้านเชื้อเพลิงฟอสซิลจะขัดขวางความก้าวหน้า และบั่นทอนเป้าหมายพหุภาคีที่พวกเราร่วมกันสร้างขึ้น”

นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องให้เศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ร่ำรวยกว่า เช่น จีนและซาอุดีอาระเบีย มีส่วนร่วมสนับสนุนงบประมาณด้านสภาพอากาศ แต่ข้อตกลงนี้เปิดให้ประเทศเหล่านั้นสนับสนุนโดยสมัครใจเท่านั้น และไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ

ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือเพื่อรับมือวิกฤติสภาพภูมิอากาศ 300,000 ล้านดอลลาร์นั้น จะจัดสรรมาจากระเทศร่ำรวยโดยได้รับความช่วยเหลือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
 

COP29 เกิดการประท้วง

เมื่อหลายชั่วโมงก่อนบรรลุเป้าหมายใหม่ คณะผู้แทนจากรัฐเกาะเล็ก ๆ และประเทศที่พัฒนาแล้วน้อยที่สุดได้เดินออกจากห้องเจรจาเกี่ยวกับแพ็คเกจเงินทุน โดยกล่าวว่าผลประโยชน์ทางการเงินด้านสภาพอากาศของพวกเขาถูกเพิกเฉย

“เราเพิ่งเดินออกไป เรามาที่นี่เพื่อ COP นี้เพื่อข้อตกลงที่ยุติธรรม เรารู้สึกว่าเราไม่มีใครได้ยิน” เซดริก ชูสเตอร์ ประธานซามัวของพันธมิตรรัฐเกาะเล็ก ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ถูกคุกคามจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น กล่าว

“(ข้อตกลง) ปัจจุบันไม่สามารถยอมรับได้สําหรับเรา เราจําเป็นต้องพูดคุยกับประเทศกําลังพัฒนาอื่นๆ และตัดสินใจว่าจะทําอย่างไร” อีแวนส์ เจวา ประธานกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วน้อยที่สุด (LDC) กล่าว

เมื่อถูกถามว่าเป็นการประท้วงหรือไม่ ซูซานา โมฮาเหม็ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของโคลอมเบียบอกกับสํานักข่าว Associated Press ว่า “ฉันจะเรียกความไม่พอใจนี้ว่า (เรา) ไม่พอใจอย่างมาก”

ด้วยความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้น นักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศส่งเสียงประท้วง จอห์น โพเดสตา ทูตด้านสภาพอากาศของสหรัฐขณะที่เขาออกจากห้องประชุม

พวกเขากล่าวหาว่าสหรัฐไม่จ่ายส่วนแบ่งที่ยุติธรรมและเป็นประเทศ “ตำนานแห่งการเผาโลก”

“ฉันรู้ว่าพวกเราไม่มีใครอยากออกจากบากูโดยไม่มีผลลัพธ์ที่ดี” ประธาน COP Mukhtar Babayev มุขตาร์ บาบาเยฟ กล่าวในช่วงดึกในวันเสาร์ (23 พ.ย.) หลังจากเดินออกจากห้อง โดยเรียกร้องให้ทุกประเทศ “เชื่อมประสานความเห็นแตกแยกที่คงเหลืออยู่”

 

ประเทศกำลังพัฒนาโวย

ต่อมาภายในวันเสาร์ ตัวแทนจากสหภาพยุโรป สหรัฐ และประเทศที่ร่ำรวยอื่น ๆ ได้พบปะโดยตรงกับประเทศกําลังพัฒนาเพื่อพยายามบรรลุข้อตกลง

ประเทศกําลังพัฒนากล่าวหาคนรวยว่าพยายามทําตามทางของพวกเขา และแพ็คเกจความช่วยเหลือทางการเงินที่น้อยกว่า โดยอ้างสงครามแห่งความขัดแย้ง และประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเสี่ยงต่อผลกระทบที่เลวร้ายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวหาว่าประธานาธิบดีของประเทศเจ้าภาพเพิกเฉยต่อพวกเขาตลอดการเจรจา

ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงใหม่ ฮวน คาร์ลอส มอนเตร์เรย์ โกเมซ หัวหน้าผู้เจรจาของปานามากล่าวว่าเขาพอแล้ว

“ทุกนาทีที่ผ่านไป เราจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ พวกเขาไม่มีปัญหานั้น พวกเขามีคณะผู้แทนจํานวนมาก” มอนเตร์เรย์ โกเมซกล่าว

“นี่คือสิ่งที่พวกเขาทําเสมอ พวกเขาทําลายเราในนาทีสุดท้าย คุณรู้ไหม พวกเขาผลักดันมันและผลักดันมันและผลักดันมันจนกว่าผู้เจรจาของเราจะจากไป จนกว่าเราจะเหนื่อย จนกว่าเราจะหลงผิดจากการที่ไม่ได้กิน ไม่ได้นอน”

ประเทศกําลังพัฒนาได้เรียกร้องเงินช่วยเหลือ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อช่วยปรับตัวรับมือกับภัยแล้ง น้ำท่วม ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น และอากาศร้อนจัด ชดใช้ความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดจากสภาพอากาศที่รุนแรง และเปลี่ยนผ่านจากพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทําให้โลกร้อนขึ้นไปสู่พลังงานสะอาด

 

ประเทศร่ำรวยมีปัญหาทางเศรษฐกิจ

ประเทศที่ร่ำรวยมีหน้าที่จ่ายเงินให้ประเทศที่เปราะบางภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุในการเจรจา COP ในปารีสในปี 2015

ด้านนาซาไน โมชิริ นักวิเคราะห์สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมอาวุโสของ International Crisis Group บอกกับสำนักข่าว Al Jazeera ว่าประเทศที่ร่ำรวยมีข้อจำกัดด้านสภาพเศรษฐกิจ

“ประเทศที่ร่ำรวยถูกจํากัดโดยงบประมาณภายในประเทศที่มีจํากัด จากสงครามฉนวนกาซา ยูเครน และความขัดแย้งอื่นๆ เช่น ในซูดาน และปัญหาทางเศรษฐกิจ (อื่นๆ)” เธอกล่าว

“สิ่งนี้ขัดแย้งกับสิ่งที่ประเทศกําลังพัฒนากําลังต่อสู้กับ: ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของพายุ น้ำท่วม และภัยแล้ง ซึ่งกําลังถูกกระตุ้นโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”

 

อ้างอิง: CNN, Al Jazeera