มิตรภาพหรืออำนาจ ‘ทุกคนอยากเป็นเพื่อนทรัมป์’
ตอนได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรกเมื่อแปดปีก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งโลก ครั้นพ้นจากตำแหน่งเขากลับกลายเป็นคนนอกคอก แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาเป็นคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐทั้งร่ำรวยและมีอำนาจ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตอนนี้ทั้งนักธุรกิจเทคโนโลยี นักการเมือง ผู้นำต่างประเทศ กระทั่งสื่อบางรายต่างเข้าแถวรอทักทายว่าที่ประธานาธิบดีวัย 76 ปีจากพรรครีพับลิกัน ก่อนเขาสาบานตนรับตำแหน่งสู่ทำเนียบขาวในเดือน ม.ค.
“ในวาระแรก ใครๆ ก็ทะเลาะกับผม ในวาระนี้ทุกคนอยากเป็นเพื่อนกับผม ไม่รู้เหมือนกัน บุคลิกผมเปลี่ยนหรือว่าอะไร” ทรัมป์กล่าวติดตลกกับผู้สื่อข่าว ณ มาร์อะลาโก รีสอร์ตหรูในฟลอริดาเมื่อต้นสัปดาห์
ในความเป็นจริง มีสัญญาณเพียงน้อยนิดว่าทรัมป์เปลี่ยนนิสัย แต่หลายคนที่เคยวิจารณ์เขากลับสนใจอยากสนิทชิดเชื้อกับรัฐบาลที่ให้คุณค่ากับความจงรักภักดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“ตอนนี้ผู้คนกำลังประเมินว่า อยู่ข้างดีๆ ของทรัมป์ย่อมดีกว่าไม่อยู่ ปัญหาสำหรับพวกเขาคือข้างดีของทรัมป์เปลี่ยนแปลงบ่อย”เวนดี ชิลเลอร์ อาจารย์รัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยบราวน์กล่าวกับเอเอฟพี
หลังเลือกตั้งทรัมป์ใช้เวลาส่วนใหญ่ที่มาร์อาลาโก ใครอยากติดต่อก็ต้องมาที่สถานที่อันหรูหราแห่งนี้
- ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีมาเพียบ
มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก บอสใหญ่เมตา เคยมาเมื่อเดือน พ.ย. เพื่อพยายามปรับสัมพันธ์ที่เฟซบุ๊คเคยแบนทรัมป์ หลังเหตุบุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021
ทิม คุกจากแอปเปิ้ล, ซุนดาร์ พิชัย จากกูเกิล และเซอร์เกย์ บริน ก็เคยมา ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่า เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอน ที่เคยวิจารณ์เขาอย่างหนัก มีกำหนดเข้าพบในสัปดาห์นี้
มีรายงานว่าทั้งเมตา, อเมซอน และแซม อัลต์แมน ซีอีโอโอเพนเอไอ บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์เข้ากองทุนสำหรับการสาบานตนของทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค.
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ทรัมป์ยังได้ต้อนรับโจว ซื่อชิว ซีอีโอติ๊กต็อก ที่พยายามยื้อไม่ให้ถูกห้ามใช้ในสหรัฐ
“พูดจริงๆ เลย ในวาระแรก ผมไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร มันเหมือนตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง” ทรัมป์กล่าวถึงการเป็นประธานาธิบของเขาครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การเยี่ยมเยือนของคนเหล่านั้นสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง เมื่อชายคนหนึ่งที่ถูกเมินเพราะพยายามพลิกความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง 2020 ตอนนี้หวนคืนสู่ทำเนียบขาดด้วยอาณัติอันแข็งแกร่งไปอีกสี่ปี
สัปดาห์ก่อน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กต้อนรับทรัมป์มาลั่นระฆังเปิดการซื้อขาย เช้าเดียวกันกับที่นิตยสารไทม์ประกาศให้เขาเป็น “บุคคลแห่งปี” เป็นครั้งที่ 2
สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสส่วนใหญ่อ่อนลงแล้ว เห็นสัญญาณการต่อต้านคนที่ทรัมป์เลือกมาเป็นรัฐมนตรีลดลง รายชื่อว่าที่รัฐมนตรีที่ทรัมป์เสนอ เช่น พีต เฮกเซธ ในตำแหน่งเบอร์ 1 เพนตากอน หรือโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ไม่ไว้ใจวัคซีนได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ซึ่งดูเหมือนทรัมป์ได้ส่งเสียงเตือนเมื่อวันจันทร์ว่า คนที่ไม่ยอมรับกติกาอาจเจอความท้าทายในการเลือกตั้งจากผู้ภักดีของพรรครีพับลิกัน
- อำนาจแห่งประธานาธิบดี
แม้แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้กำลังจะพ้นตำแหน่งก็ปรับท่าทีจากที่เคยเตือนว่า ทรัมป์เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างสง่างาม ซึ่งทรัมป์เคยปฏิเสธการรับตำแหน่งของไบเดนมาก่อน
ไม่เพียงเท่านั้นผู้นำโลกก็มาเคาะประตูบ้านทรัมป์ ไล่ตั้งแต่พันธมิตรฝ่ายขวาอย่างนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บันของฮังการีไปจนถึงนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ที่ถูกทรัมป์ขู่เก็บภาษีก้อนโตรอบใหม่
สื่อเองก็พยายามสร้างสะพานเชื่อมกับประธานาธิบดีคนที่เรียกพวกเขาเป็น “ศัตรูของประชาชน” อยู่บ่อยๆ
โจ สการ์โบโร่ และมิคา เบรซินสกี พิธีการรายการ“Morning Joe” ทางเอ็มเอสเอ็นบีซีแม้วิจารณ์ทรัมป์อย่างดุเดือด ก็ไปเยือนมาร์อาลาโกในเดือน พ.ย.
ในบททัศนวิจาร์ณชิ้นหนึ่งของเดอะนิวยอร์กไทม์ส คอลัมนิสต์ “มิเชล โกลด์เบิร์ก“ เรียกอารมณ์แบบนี้ว่า ”การยอมจำนนครั้งใหญ่”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคนที่ถูกมองว่าต่อต้านทรัมป์จะเจอช่วงเวลาอันยากลำบาก สัปดาห์นี้ทรัมป์ฟ้องสำนักโพลหนึ่งแห่งและหนังสือพิมพ์หนึ่งรายโทษฐานเผยแพร่สำรวจความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้งว่า เขาเป็นฝ่ายตามหลังคามาลา แฮร์ริสในรัฐไอโอวา ซึ่งในความเป็นจริงเขาชนะในรัฐนี้อย่างถล่มทลาย
ส่วนในทัศนะของนักรัฐศาสตร์อย่างชิลเลอร์
“ทรัมป์บอกแล้วว่าเขาจะใช้พลังอำนาจของประธานาธิบดีอย่างเต็มที่เพื่อจัดการกับใครก็ตามที่ท้าทายเขา และตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้นว่าจะต้องทำอย่างไร” ชิลเลอร์กล่าว
นี่อาจเป็นบทสรุปของการที่ใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อนกับทรัมป์ พูดแบบไทยๆ คงหนีไม่พ้น “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”