พาวเวล ยันรอความชัดเจนนโยบายของทรัมป์ ก่อนปรับอัตราดอกเบี้ย

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.) ว่า ธนาคารกลางสามารถที่จะรอนโยบายเชิงรุกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะออกมาเป็นอย่างไร ก่อนที่จะดำเนินการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

ขณะที่ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อเสนอของทรัมป์เกี่ยวกับภาษีศุลกากรและประเด็นอื่นๆ พาวเวลล์ย้ำคำกล่าวที่เขาและเพื่อนร่วมงานได้พูดเมื่อไม่นานนี้ว่า ควรอดทนกับนโยบายการเงินท่ามกลางความไม่แน่นอนสูง

ทำเนียบขาว “กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญใน 4 ด้าน ได้แก่ การค้า การย้ายถิ่นฐาน นโยบายการคลัง และกฎระเบียบ” พาวเวลล์กล่าวสุนทรพจน์ที่ฟอรัมนโยบายการเงินสหรัฐฯ

“ผลกระทบโดยรวมของการเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้จะมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและแนวทางของนโยบายการเงิน”

พาวเวลกล่าวว่า “ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นยังคงมีสูง” โดยระบุว่าเฟด “มุ่งเน้นที่การแยกสัญญาณจากสัญญาณออกจากเสียงรบกวน ในขณะที่แนวโน้มมีการเปลี่ยนแปลงไป เราไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ และเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีเพื่อรอความชัดเจนมากขึ้น”

ความคิดเห็นดังกล่าวดูเหมือนว่าจะขัดแย้งกับความคาดหวังของตลาดที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ตลาดได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจุดยืนของทรัมป์ โดยเฉพาะแผนภาษีศุลกากร ผู้ค้าคาดว่า ราคาการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทั้งนี้ตามมาตรวัดติดตามเฟด FedWatch ของกลุ่ม CME

อย่างไรก็ตาม ความเห็นของพาวเวลล์บ่งชี้ว่าเฟดจะอยู่ในโหมดรอดูท่าทีก่อนที่จะวางแผนผ่อนปรนนโยบายเพิ่มเติม

“นโยบายไม่ได้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า” เขากล่าว “จุดยืนด้านนโยบายปัจจุบันของเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการรับมือกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เราเผชิญในการดำเนินนโยบายเพื่อเป้าหมายสองด้าน”

ฟอรัมนโยบายการเงินนี้จัดขึ้นโดย Clark Center for Global Markets ของมหาวิทยาลัยชิคาโก มีเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในผู้เข้าร่วมงานประชุมสัมมนานี้  ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางส่วนใหญ่กล่าวเมื่อเร็วๆนี้ว่า พวกเขาคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อไปได้และอัตราเงินเฟ้อจะลดลงสู่เป้าหมาย 2% ของเฟด โดยที่แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยยังคงไม่ชัดเจนในขณะที่นโยบายของทรัมป์เริ่มปรากฏชัดมากขึ้น

ในการประเมินของเขา พาวเวลล์ยังพูดถึงสภาพแวดล้อมมหภาคในแง่บวกเป็นส่วนใหญ่ โดยกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ใน "ภาวะที่ดี" ด้วย "ตลาดแรงงานที่มั่นคง" และอัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวกลับสู่เป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตว่าการสำรวจความเชื่อมั่นล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการภาษีศุลกากรของทรัมป์ มาตรวัดเงินเฟ้อ (PCE) ที่เฟดชื่นชอบแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อ 12 เดือนในเดือนมกราคมอยู่ที่อัตรา 2.5%  และ 2.6% หากไม่รวมอาหารและพลังงาน

พาวเวลกล่าวว่า "เส้นทางสู่การกลับมาสู่เป้าหมายเงินเฟ้ออย่างยั่งยืนนั้นไม่ราบรื่น และเราคาดว่าจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป"

ด้าน เอเดรียนา คูเกลอร์ กรรมการเฟด กล่าวสุนทรพจน์ในงานที่จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ประเทศโปรตุเกสว่าเธอเห็น "ความเสี่ยงมากขึ้นสำคัญสำหรับเงินเฟ้อ" และกล่าวว่า "การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกสักระยะอาจเหมาะสม"

ในวันเดียวกับที่กระทรวงแรงงานรายงานว่ามีการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่พาวเวลล์กล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นหลักฐานอีกประการหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า “ตลาดแรงงานมีความมั่นคงและอยู่ในภาวะสมดุลโดยรวม”

“ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อ และเติบโตอย่างยั่งยืนมากกว่าในช่วงการฟื้นตัวช่วงต้น หลังจากการระบาดใหญ่(ของโควิด-19)” เขากล่าว

รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกุมภาพันธ์และเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี รายงานการจ้างงานยังระบุด้วยว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.1%