'คามาลา แฮร์ริส' ตัวเก็งคู่หู 'โจ ไบเดน'
"โจ ไบเดน" จะเลือกใครเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีถือเป็นความลับที่วอชิงตันเก็บงำไว้ได้อย่างดีที่สุด แต่ก็มีรายงานข่าวและกระดาษโน้ตของไบเดนหลุดออกมาชนิดที่ดูเหมือนจงใจทำ ยิ่งชวนให้เก็งกันมากว่า คนที่ไบเดนจะเลือกคือ "คามาลา แฮร์ริส"
การคาดการณ์ว่าใครจะมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี เป็นเกมที่ต้องเล่นกันทุกๆ 4 ปีในวอชิงตัน แต่รอบนี้เดิมพันสูงกว่าปกติ เนื่องจากไบเดน ที่ถ้าชนะเลือกตั้งในวัย 78 ปี จะเป็นประธานาธิบดีสูงอายุสุดของสหรัฐ บอกใบ้ว่า เขาอาจจะไม่ลงเลือกตั้งสมัยที่ 2 เท่ากับว่ารองประธานาธิบดีของเขาจะเป็นตัวเลือกสำคัญ ได้เป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดีคนต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ไบเดนที่มีคะแนนนิยมนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันอยู่มาก ยังเพิ่มกระแสความสนใจด้วยการประกาศล่วงหน้าว่า จะเลือกผู้หญิงมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี
ถือเป็นครั้งที่ 3 ของประวัติศาสตร์สหรัฐ ที่ผู้หญิงได้รับเลือกมาเป็นผู้สมัครรองประธานาธิบดี แต่ทั้งสองคนก่อนหน้า ได้แก่ เจอรัลดีน เฟอร์ราโร เมื่อปี 2527 และซาราห์ เพลินในปี 2551 จบลงด้วยความพ่ายแพ้
ส่วนรอบนี้จากการที่ไบเดนหาเสียงแบบเงียบสุดๆ เขาจึงปิดข่าวได้สนิทว่าจะเลือกใครเป็นคู่ชิงในตำแหน่งรองประธานาธิบดี
รายชื่อที่สื่อเก็งกันมีตั้งแต่คนที่ถูกจับตามาตลอดอย่าง ส.ว.เอลิซาเบธ วอร์เรน และซูซาน ไรซ์ ทูตประจำสหประชาชาติ สมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา และผู้ที่เพิ่งถูกกล่าวถึงอย่าง วาล เดมิงส์ ส.ส.รัฐฟลอริดา และแทมมี ดักเวิร์ธ ส.ว.อดีตทหารผ่านศึก
ส่วนแฮร์ริสถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งด้วยผลงานที่น่าประทับใจ ทั้งเป็น ส.ว. เคยลงแข่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ก่อนยอมแพ้ให้ไบเดนและในยุคของ “ชีวิตคนดำก็มีค่า” ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือแฮร์ริสเป็นคนผิวสี
เมื่อวันอังคาร (29 ก.ค.) ไบเดนบอกว่า เขาจะเผยผลการตัดสินใจสัปดาห์แรกของเดือน ส.ค. “เลือกได้เมื่อไหร่ผมจะบอก” ไบเดนกล่าวกับนักข่าว แต่ในมือของเขากลับมีกระดาษโน้ตเขียนคำว่า “คามาลา แฮร์ริส” พร้อมคำบรรยายด้านล่าง “ไม่ขี้อิจฉา ช่วยหาเสียงดีมาก น่าเคารพยิ่ง” ไม่ว่านี่จะเป็นการกระทำโดยจงใจหรือบังเอิญ แต่สื่อก็เก็บภาพไว้ได้
จากนั้นก็มีดราม่าเกิดขึ้นเมื่อเว็บไซต์ข่าวที่น่าเชื่อถืออย่าง โพลิติโค เอาไปรายงานว่า แฮร์ริสคือคนที่ไบเดนเลือก ต่อมาข่าวนี้ถูกลบอย่างรวดเร็ว แต่คนวงในวอชิงตันได้เห็นข่าวแล้ว
แฮร์ริสทำงานเพื่อส่วนรวมมามาก โดยเฉพาะในตำแหน่งอัยการรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เธอแสดงบทบาทในฐานะนักต่อสู้อาชญากรรม
นอกเหนือจากความเป็นลูกผสมจาเมกากับอินเดีย เธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นคนสู้งาน และข้อเท็จจริงที่ว่า แฮร์ริสอายุเพียง 55 ปี เธอจึงมีโอกาสสูงมาก
เอียน แซมส์ อดีตโฆษกแฮร์ริสเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า เธอทำให้ทรัมป์กลัว
“เขาไปไม่เป็นเลยเมื่อเจอผู้หญิงเก่ง”
ส่วนทรัมป์ยกย่องชมเชยแฮร์ริสต่อหน้าผู้สื่อข่าว
“ผมคิดว่าเธอเป็นตัวเลือกที่ดี คามาลา แฮร์ริส เป็นตัวเลือกที่ดี” ผู้นำสหรัฐกล่าว