'บิล เกตส์' กับภาวะโรคร้ายและโลกร้อน
ส่องมุมมอง “บิล เกตส์” มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน กับประเด็นที่เขามองว่าสำคัญเป็นอันดับต้นของโลกในปัจจุบัน นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาระยะสั้น และภาวะโลกร้อนอันเป็นปัญหาระยะยาว
หลังจากเงียบไปนาน “บิล เกตส์” ออกมาพูดถึงเหตุการณ์โลกอีกครั้ง รวมทั้งการให้ผู้สื่อข่าวของนิตยสาร Bloomberg Businessweek สัมภาษณ์ด้วย เนื้อหาของการสัมภาษณ์ปรากฏในนิตยสารฉบับวันที่ 21 ก.ย.2563 นิตยสารมิได้บ่งว่าผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์เขาวันไหน ตามธรรมดาน่าจะเป็นหลังวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่อาจก่อนนั้นก็ได้ เพราะเนื้อหามิได้กล่าวถึงการเสียชีวิตของพ่อของบิล เกตส์ในวันนั้น
“บิล เกตส์” ทำทานด้วยทรัพย์สินก้อนใหญ่ ซึ่งรับรู้กันอย่างกว้างขวางแล้ว เขาคงได้แนวคิดจากพ่อ เนื่องจากพ่อของเขาชอบทำทาน แม้จะมิได้ร่ำรวยมากเช่นเดียวกับลูกชายก็ตาม ยิ่งกว่านั้นพ่อลูกคู่นี้น่าจะเป็นมหาเศรษฐีคู่เดียวที่สนับสนุนให้รัฐบาลเก็บภาษีมรดก ในขณะที่เศรษฐีทั่วไปมักต่อต้าน แนวคิดและพฤติกรรมของพ่อลูกคู่นี้จึงมีลักษณะ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ซึ่งเป็นคำพังเพยทั้งของไทยและของอเมริกัน
เนื้อหาของการสัมภาษณ์ครอบคลุมหลายประเด็นโดยเน้น 2 ประเด็นหลัก ซึ่งบิล เกตส์ มองว่าสำคัญเป็นอันดับต้นของโลกปัจจุบัน นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาระยะสั้น และภาวะโลกร้อนอันเป็นปัญหาระยะยาว
เขาแสดงความวิตกมาก เนื่องจากรัฐบาลอเมริกันดำเนินนโยบายตรงข้ามกับแนวที่ควรจะทำ รวมทั้งการไม่ยอมร่วมมือกับรัฐบาลทั่วโลก ทั้งนี้เพราะปัญหาทั้งสองนี้ไม่มีรัฐบาลไหนจะแก้ได้โดยลำพัง ยิ่งกว่านั้นเขายังวิตกว่าในขณะนี้รัฐบาลอเมริกันนำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นำการเมืองเข้าไปกดดันการทำงานขององค์กรสำคัญที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์เป็นฐานของการพิจารณาว่าอะไรควร หรือไม่ควรทำ นั่นคือองค์การอาหารและยากับองค์การป้องกันและควบคุมโรค
คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า บิล เกตส์ทุ่มเงินจำนวนมากลงไปในด้านการค้นคว้าหาทางต่อสู้กับโรคร้ายและลดภาวะโรคร้อน การทำเช่นนั้นทำให้เขาถูกต่อต้านจากคนบางกลุ่ม ล่าสุดคือการกล่าวหาของกลุ่มผู้เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดว่า เขาทำให้เกิดการแพร่กระจายของโควิด-19 ซึ่งเขามองว่าเป็นเรื่องบ้าบอแต่น่าแปลกใจที่มีผู้ให้ความสำคัญ
สำหรับด้านการต่อสู้กับโควิด-19 บิล เกตส์ คาดว่าราวต้นปีหน้าชาวโลกจะค้นพบวัคซีนสำหรับต่อต้านการแพร่ขยายของมัน แต่อาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปีก่อนที่ชาวโลกจะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงจนยุติการแพร่ขยายของมันได้
ปัญหาที่เขามองว่าแก้ยากกว่าหลายเท่า ได้แก่ ภาวะโลกร้อน ซึ่ง ณ วันนี้ ยังไม่มีการวิจัยและพัฒนาที่ได้ผลออกมาตามที่โลกต้องการ เขามองว่าโลกจะต้องใช้นวัตกรรมใหม่ๆ นับโหลจึงจะแก้ปัญหานี้ได้และจะต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะค้นพบ เรื่องการใช้พลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรี่ที่ชาวโลกมองว่าจะแก้ปัญหาได้นั้น บิล เกตส์มองว่ายังไม่ใกล้คำตอบ
ในขณะที่บิล เกตส์และนักวิทยาศาสตร์อเมริกัน เชื่อว่าการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเป็นหนทางแก้ปัญหาดังกล่าว การสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันโดยสำนักสำรวจความเห็นชั้นนำบ่งว่าจำนวนมากต่อต้านแนวทางนั้นแบบหัวชนฝา
ข้อมูลบ่งว่าชาวอเมริกันราว 35% จะไม่ยอมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สัดส่วนนี้สูงมากเมื่อเทียบกับข้อมูลที่บ่งว่าชาวอเมริกันราว 16% ไม่เชื่อว่าวัคซีนจะป้องกันโรคอะไรได้ ด้วยเหตุนี้จำนวนมากจึงไม่ยอมให้เด็กเกิดใหม่ฉีดวัคซีนและจำนวนมากเช่นกันเชื่อว่าถ้าพระเจ้าจะให้เขาอยู่ เขาย่อมไม่เป็นอะไรเขาจะไม่ยอมฉีดวัคซีน หรือไว้ระยะห่างระหว่างบุคคลและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโควิด-19
ความเชื่อของชาวอเมริกันที่อ้างถึง ไม่ต่างกับของประชาชนจำนวนมากในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งมีการศึกษาต่ำกว่าของชาวอเมริกันโดยทั่วไป ผู้ไม่รู้จักสังคมอเมริกันเป็นอย่างดีจึงอาจแปลกใจ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในสหรัฐนานมาจนเข้าใจสังคมอเมริกันอย่างทะลุปรุโปร่งจะไม่แปลกใจ
ด้วยเหตุนี้การต่อสู้กับโควิด-19 จึงอาจยืดเยื้อนานกว่า 2 ปีตามที่บิล เกตส์คาดหมาย ร้ายยิ่งกว่านั้น หากโควิด-19 กลายพันธุ์หรือมีเชื้อโรคในแนวเดียวกันเกิดตามมา เนื่องจากระบบนิเวศยังถูกทำลาย คงคาดเดาไว้ว่าชาวโลกจะตายไม่ต่ำกว่าเมื่อครั้งเกิดไข้หวัดใหญ่สเปนเมื่อ 102 ปีที่ผ่านมา