ดาวโจนส์ดิ่ง 433 จุดผวาโอมิครอนระบาด-วุฒิสภาขวางมาตรการกระตุ้นศก.
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(20ธ.ค.)ปรับตัวลง 433 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 433.28 จุด หรือ 1.23% ปิดที่ 34,932.16 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 52.62 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 4,568.02 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 188.74 จุด หรือ 1.31% ปิดที่ 14,980.94 จุด
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มสายการบินและธุรกิจเรือสำราญ ต่างร่วงลงในการซื้อขายวันนี้
ขณะที่นักลงทุนวิตกว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดใน 43 รัฐของสหรัฐ และ 90 ประเทศทั่วโลก จะทำให้รัฐบาลต่างๆยกระดับคุมเข้มมาตรการสกัดโควิด-19
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างพุ่งขึ้นในการซื้อขายวันนี้ โดยราคาหุ้นของโมเดอร์นาได้ปัจจัยหนุนจากการการที่บริษัทเปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่หุ้นโนวาแวกซ์พุ่งขึ้น หลังจากองค์การยาแห่งยุโรป (อีเอ็มเอ) อนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท
ผู้เชี่ยวชาญต่างมีความกังวลต่อแนวโน้มตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วงปลายปีนี้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
"การคาดการณ์เรื่องซานต้าแรลลี่ในปีนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะตลาดได้ขึ้นมามากแล้วในขณะนี้ นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายจะเบาบางลง ซึ่งจะทำให้ความผันผวนมากขึ้นในช่วงท้ายปี ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลสูงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด"
นายไมเคิล เอโรน หัวหน้านักวิเคราะห์ของสเตท สตรีท โกลบอล แอดไวเซอร์ กล่าว
ส่วนนายเจฟฟ์ ไคลน์ท็อป หัวหน้านักวิเคราะห์จากชาร์ลส์ ชเวบ กล่าวว่า
"ขณะที่เราก้าวเข้าสู่ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ วอลุ่มการซื้อขายจะลดน้อยลง ขณะที่ความผันผวนจะมีมากขึ้น และแม้อาจเกิดซานต้าแรลลี่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าปริมาณการซื้อขายที่เบาบางจะทำให้ตลาดแกว่งตัวในช่วงขาลงเช่นกัน"
ที่ผ่านมา ปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" มักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471
ด้านโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2565 หลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ
นายโจ แมนชิน ซึ่งเป็นแกนนำวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครต ประกาศไม่สนับสนุนร่างกฎหมาย Build Back Better วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดน โดยอ้างว่าจะเป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กับสหรัฐ
ท่าทีของนายแมนชินจะส่งผลให้ร่างกฎหมายดังกล่าวขาดเสียงสนับสนุนที่เพียงพอในวุฒิสภา แม้ว่าผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะให้เงินช่วยเหลือในการดูแลเด็กอ่อน, การประกันสุขภาพ และการลดภาษีแก่พลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า หากร่างกฎหมาย Build Back Better ถูกขัดขวางในวุฒิสภาก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในปี 2565 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รวมถึงงบประมาณของรัฐบาลจำนวนมากในการใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือปัญหาโลกร้อน
ส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2565 สู่ระดับ 2% จากเดิมที่ระดับ 3% และปรับลดคาดการณ์สำหรับไตรมาส 2 และ 3 สู่ระดับ 3% และ 2.75% ตามลำดับ จากเดิมที่ระดับ 3.5% และ 3%