Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ เทคโนโลยี F1 ค่าตัว 5.95 ล้าน
รถตระกูล AMG ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นที่ยอมรับในเรื่องสมรรถนะสูง และมจุดเด่นเฉพาะตัว โดยเฉพาเครื่องยนต์แบบประกอบมือ แบบ One Man One Engine วิศวกร 1 คน ดูแล 1 เครื่องยนต์ พร้อมกับลงชื่อกำกับที่เครื่องยนต์เ แต่เมื่อ อีวี เข้ามามีบาทบาทมากขึ้น การทำให้มันเป็น AMG ได้อย่างไร
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ครั้งแรกด้วยการเปิดตัวรุ่นเรือธงฝั่งไฟฟ้าอย่าง EQS 450+ ในรูปแบบรถนำเข้า หรือ CBU ก่อนที่เริ่มต้นการประกอบในประเทศ (CKD) กับ EQS 500 หลังจากนั้นเสริมตลาดกับเอสยูวี EQB ซึ่งเป็นการนำเข้าเช่นกัน
ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ เสริมตลาดอีกครั้ง กับ ตระกูล EQE เบื้องต้นเป็นการนำเข้า ส่วนการจะขึ้นสายประกอบในอนาคตหรือไม่ ยังต้องลุ้นกันต่อไป
EQE เปิดตัวพร้อมกัน 2 รุ่นย่อย 2 รูปแบบ คือ
- Mercedes-Benz EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic ในรูปแบบ เอสยูวี
- Mercedes-AMG 53 4MATIC+ อีวี ตัวแรง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ บอกว่า มีตการบ้านพอควร ก่อนพัฒนา Mercedes-AMG 53 4MATIC+ เพราะต้องเป็นรถที่ตอบคำถามผู้บริโภคให้ได้ ทั้งเรื่องของการเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง
ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องได้อารมณื หรือ emotion จาก DNA ของ AMG ได้
และในขณะเดียวกัน การเป็นรถที่อาจต้องรองรับการใช้งานแบบสมรรถนะสูงต่อเนื่องยาวนาน จะต้องจัดการกับบางอย่างที่มักเกิดกับ อีวี ได้ คือ ปัญหาความร้อนของมอเตอร์ และแบตเตอรี
ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้ความเชี่ยวชาญของทีมงาน AMG ที่เยอรมนีจัดการกับเรื่องนี้ เพราะรับมือกับการพัฒนารถที่ต้องรีดกำลังอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ดังนั้นงานหลักๆ ของรถคันนี้ จึงถูกมอบหมายให้กับ Mercedes-AM ที่เมือง อัฟฟาวเตอร์บาก (Affalterbach) เยอรมนี ในการพัฒนาแบตเตอรี รุ่นใหม่ล่าสุดแบบ Ultra-lightweight high performance battery
จากนั้นนำมาทำงานร่วมกับมอตอร์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี จากรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน Formula 1 จากทีม Mercedes-AMG Petronas F1
ด้านอารมณ์ของ AMG ที่ใส่เข้าไปให้กับ อีวี ก็เช่น ระบบ AMG Sound Experience ที่จtทำงานช่วงการออกตัวด้วยโหมด Race Start หรือระหว่าง Dynamic Curve Section
โดยจะสังเคราะห์เสียงออกมาให้ได้อารมณ์ของเครื่องยนต์ AMG และไม่เพียงเท่านั้น ยังสร้างอารมณ์ด้านอี่นๆ เช่น การสั่นของเบาะ การที่เข็มขัดนิรภัยรัดแน่นเตรียมพร้อมรับการออกตัวแบบรุนแรง
Mercedes-AMG 53 4MATIC+ ยังมี Race Pace ที่เก็บข้อมูลการขับขี่ อารมณ์เดียวกับ นักวิ่งที่มีมักจะต้องเช็ค pace ของตัวเอง อยู่เสมอๆ
โดยขุมพลังของ Mercedes-AMG 53 4MATIC+ มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanently Excited Sycnchronomous Motors (PSM)
- ให้กำลังสูงุด 625 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กม.ชม. ใช้เวลา 3.5 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม.
ระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ แบบ ออล-วีล ไดรฟ์ เลือกรูปแบบการส่งกำลังได้หลากหลาย ตั้งแต่การการขับขี่ในสนามแข่ง ไปจนถึงเลือกขับขี่ด้วยมอเตอร์ตัวเดียว ขับเคลื่อนล้อหลัง
สำหรับกำลังสูงสุด 625 แรงม้า จะไม่ได้ทำงานเต็มที่ทุกครั้ง แต่จะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
- ถ้าเลือกโหมดขับขี่ Sport+ และ Race Start เอาไปเลยกับการส่งกำลังเต็มที่ 100%
- โหมด Sport ส่งกำลังสูงสุด 90%
- โหมด Comfort ส่งกำลังสงสุด 80%
- โหมด Slipoery เมื่อใช้กับพื้นผิวลื่นๆ ส่งกำลังสูงสุด 50%
ส่วนแบตเตอรีแรงดันสูง ลิเธียม ไอออน แรงดันไฟสูงสุด 328 โวลต์ ความจุ 90.6 กิโลวัตน์ชั่วโมง รองารับการขับขี่ระยะทางสูงสุดต่อการชาร์จไฟเต็ม 526 กม.
การชาร์จไฟ ชาร์จได้ทั้งแบบเร็ว DC Charge สูงสุด 170 kWh ชาร์จ 0-80% ใช้เวลา 32 นาที
การชาร์จ AC Charge เป็นครั้งแรกที่ On-board Charger รองรับได้สูงสุด 22 kWh ทำให้การชาร์จจาก 0-100% ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 45 นาที
การออกแบบ Mercedes-AMG 53 4MATIC+ ตกแต่งภายนอกด้วย AMT Exterior Package เพิ่มความหรูหราด้วยวัสดุสีดำแบบ High-gloss กระจังหน้าสีดำของ AMG กันชนแบบสปอร์ต
ไฟหน้า digital light แบบ ultra light ส่องสว่างได้ไกล 600 เมตร ล้อ AMG Y Spoke ขนาด 21 นิ้ว ช่วงล่าง AMG Ride Control+ ระบบล้อหลังช่วยเลี้ยว 3.6 องศา รองรับการขับขี่ที่ความเร็วสูง และลดวงเลี้ยวให้แคบลงที่ความเร็วต่ำ
ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งแบบ AMG Sport Seats มีลวดลายเฉพาะรุ่น พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel หุ้มหนัง Nappa
หน้าจอแสดงผล 3 จอเชื่อมต่อกัน MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว แบ่งเป็นจอกลาง OLED ขนาด 17.7 นิ้ว จอฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า (OLED) และจอแสดงช้อมูลการขับขี่สำหรับผู้ขับขี่ (LED) ขนาด 12.3 นิ้ว เท่ากัน และยังมีจอแสดงข้อมูลที่กระจกบังลมหน้า หรือ HUD อีกด้วย
ส่วนออปชั่น อื่นๆ ก็ใส่มาเต็มที่ ทั้ง ระบบนำทาง MBUX augmented reality ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ 4 โซน ระบบฟอกอากาศ แบบ energizing air control ระบบชาร์จไร้สาย เครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester 3D และ เทคโนโลยี Dolby Atmos
กล้องมอบรอบทิศทาง 360 องศา ระบบการช่วยเหลือการขับขี่ เช่น ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ระบบรักษาระยะห่างจากคันหน้า ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร ระบบช่วยเบรก ระบบเตือนเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา ระบบช่วยทรงตัวและดึงรถกลับเข้าช่องจราจร เป็นต้น
โดยราคาจำหน่ายของ Mercedes-AMG 53 4MATIC+ มีค่าตัว 5,950,000 บาท
ส่วน Mercedes-Benz EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic เปิดราคา 5,650,000 บาท