Justice League ซูเปอร์ฮีโรก็เจ็บปวดเป็น

Justice League ซูเปอร์ฮีโรก็เจ็บปวดเป็น

หนังรวมดาวซูเปอร์ฮีโรจากค่าย DC มาแล้ว ขอบอกว่า Wonder Woman ไม่ทำให้ผิดหวังเหมือนเคย ส่วน The Flash กลายเป็นฮีโร่จอมขโมยซีนตัวใหม่ ขณะที่อควาแมน ดิบเถื่อนได้ใจ ส่วนไซบอร์กนั้นเล่าก็ช่างน่าสงสาร

หนังซูเปอร์ฮีโรมักจะไม่เป็นที่รักของเหล่านักวิจารณ์ และคณะกรรมการประกาศรางวัลเวทีต่าง ๆ นัก แต่สิ่งที่น่าขำ และช่างย้อนแย้งเสียเหลือเกินก็คือ

            แม้นักวิจารณ์จะไม่ชอบ.....แต่คนดูชอบ

            ความจริงข้อนี้พิสูจน์ได้จากการที่หนังซูเปอร์ฮีโรกวาดรายได้ถล่มทลายทั่วโลกมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น The Avengers ไตรภาค The Dark Knights ซูเปอร์แมน สไปเดอร์แมน ไอรอนแมน กัปตันอเมริกา เหล่า X-Men ที่มีหนังเดี่ยวแยกออกมากันคนละหลายภาค รวมไปถึงซูเปอร์ฮีโรสายเกรียนอย่าง Deadpool หรือสายตลกอย่าง Guardians of the Galaxy ล่าสุดเลยก็ Wonder Woman ที่กวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 400 ล้านดอลลาร์แล้ว

            เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากรักแล้ว ผู้ชมยังมีความผูกพันกับเหล่าซูเปอร์ฮีโรในหนังราวกับเพื่อนสนิท เลยทำให้หนังแนวนี้มีคนตั้งตารอดู และมีกระแสทุกครั้งที่ออกฉาย ล่าสุดเลยก็เรื่อง Justice League ที่เพิ่งเข้าฉายในบ้านเราไปเมื่อวันพฤหัสบดี (16 พ.ย.) ที่ผ่านมานี่เอง

 

Justice-League-Success-Future-Dc-Movie-Release-Slate

 

สาเหตุที่ Justice League ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษก็เพราะเป็นหนังรวมดาวซูเปอร์ฮีโรของค่าย DC แล้วก็ถือว่าเป็นหนังเรื่องที่ 5 แล้วใน “ภาพยนตร์จักรวาล DC” ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เรื่อง Man of Steel ตามด้วย Batman V Superman, Suicide Squad และ Wonder Woman มาจนถึง Justice League ที่พูดถึงการรวมกันกำจัดศัตรูตัวร้ายเพื่อปกป้องโลกของซูเปอร์ฮีโร 6 คน อันประกอบด้วย แบทแมน ซูเปอร์แมน วันเดอร์วูแมน อควาแมน เดอะแฟลช และไซบอร์ก

 

บอกตามตรงว่าการวิจารณ์หนังซูเปอร์ฮีโรนั้นค่อนข้างยาก เพราะคนดูมักจะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันว่าตัวเองเป็นแฟนค่ายดีซีหรือค่ายมาร์เวล แล้วเวลาดูหนังก็ชอบเอาไปเปรียบเทียบกับหนังของอีกค่ายหนึ่งอยู่เสมอ แต่สำหรับฉันนั้นขอประกาศตัวเลยว่าเป็นพวก “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ดูได้ของทุกค่ายทุกแนว

แล้ว Justice League ในสายตาของคนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นยังไงน่ะเหรอ?

 

ต้องบอกว่าดูสนุกเลยทีเดียว หนังยังคงความหม่น ความเนิบเอื่อยตามสไตล์ของดีซีเอาไว้ แต่เพิ่มสีสันที่ทำให้หนังดูสนุกเข้าไปด้วยฉากแอคชั่นมัน ๆ ความดีงามของไดอานา (วันเดอร์วูแมน) ซึ่งออกมาทีไรก็อยากจะปรบมือให้กับความงามแล้วก็ความเท่ของเธอในฉากต่อสู้ ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ เดอะ แฟลช ที่กลายเป็นตัวขโมยซีนสุด ๆ ทำให้คนหัวเราะกันลั่นโรงในหลายฉาก

 

wallhaven-502312

 

justice-league-the-flash-poster

 

หนังจักรวาลดีซี 4 เรื่องก่อนหน้านี้เป็นการปูให้เห็นถึง “การดิ้นรนค้นหาตัวเอง” ของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ โดยเฉพาะแบทแมน ซูเปอร์แมน และวันเดอร์วูแมน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “การเกิดเป็นซูเปอร์ฮีโรไม่ใช่เรื่องง่าย” ถึงแม้จะมีพละกำลังมหาศาล แต่พวกเขาก็มีหัวจิตหัวใจ และต้องสลัดความเศร้า ความหวาดกลัวในจิตใจออกไปก่อนถึงจะสามารถยืนหยัด กลายเป็นซูเปอร์ฮีโรที่ปกป้องผู้อื่นได้อย่างแท้จริง

 

ในหนังเราจะได้เห็นปมปัญหาในใจของซูเปอร์ฮีโรแต่ละคนว่าเป็นยังไง อาทิ ความไม่เอาใครและรู้สึกผิดที่ทำให้ซูเปอร์แมนตาย (ใน Batman V Superman) ของแบทแมน การเก็บตัวเพราะเสียใจที่คนรักจากไปของวันเดอร์วูแมน ความน้อยใจแม่ของอควาแมน (ฮา) ฯลฯ

 

สำหรับฉัน หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.....คนธรรมดาก็สามารถเป็นซูเปอร์ฮีโร ถ้าเราคลายเงื่อนปมในใจของตัวเองลงได้ แล้วพร้อมจะเปิดใจผนึกกำลังกับผู้อื่นทำอะไรดี ๆ เพื่อโลก เพื่อสังคม แค่นั้น คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร แบบที่ “พี่ตูน” แสดงให้เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ไง