Work Remote: การทำงานแบบยืดหยุ่นและผลกระทบต่อตลาดแรงงานที่ต้องรู้
กว่า 2 ปีที่โควิด-19 ทำให้เกิดข้อจำกัดในการที่ผู้คนจะมาพบเจอกัน สถานที่ทำงานและออฟฟิศต้องปิดทำการชั่วคราว หลายองค์กรจึงได้ใช้ระบบ Work Remote หรือการทำงานจากที่บ้านหรือที่อื่น ๆ
นอกออฟฟิศ เพื่อให้งานของตนสามารถดำเนินต่อไปได้ สิ่งเหล่านี้ได้สร้างบรรทัดฐานในการทำงานรูปแบบใหม่ ลักษณะการทำงานแบบยืดหยุ่นในเรื่องของสถานที่ทำงานนั้น จึงไม่ใช่เพื่อรองรับต่อโรคระบาดอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นของโลกการทำงานจากนี้ งานวิจัยของ McKinsey ได้สอบถามชาวอเมริกัน 25,000 คน ในปี 2022 พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
1. 35% ของผู้หางาน มองหาการทำงานจากที่บ้านได้เต็มเวลา และ 23% มองหางานที่สามารถทำได้นอกเวลาได้ โดย 58% ของผู้ตอบแบบสำรวจกำลังได้งานในลักษณะดังกล่าว อีก 41% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ได้ทำงานแบบ Remote หรือได้งานที่สามารถทำได้นอกเวลา ซึ่งอาจเป็นเพราะเนื้องานที่ไม่สามารถทำได้จากการ Remote หรือเพราะความต้องการของนายจ้างเอง ซึ่งนายจ้างต้องค้นหาแนวทางที่สามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นที่มีต่อสถานที่ทำงานของพนักงาน เพื่อดึงดูดคนที่ต้องการมาสมัครให้มากขึ้น
2. หากเลือกได้ เกือบทุกคนเลือกที่จะทำงานแบบยืดหยุ่น โดย 87% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ต้องการทำงานแบบ Remote สำหรับเวลางานส่วนใหญ่ ที่น่าสนใจคือ 12% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าถึงแม้ตนจะต้องการทำงานแบบ Remote บ้าง แต่นายจ้างมักเสนองานที่ต้องเข้ามาที่ออฟฟิศหรือสถานที่ทำงานมากกว่า ซึ่งพวกเขาต้องยอมปฏิบัติตาม บ่งบอกถึงความต้องการหรือความยืดหยุ่นที่แตกต่างกันระหว่างนายจ้างและพนักงาน
3. พนักงานส่วนใหญ่ต้องการความยืดหยุ่น แต่บางคนก็ยังขาดความพร้อม แม้ว่าพนักงานหลายคนจะเลือกทำงานนอกสถานที่เพราะชอบสภาพแวดล้อม แต่บางคนอาจรู้สึกถึงความไม่สะดวก เพราะสภาพแวดล้อมในบ้านไม่เหมาะสมในการทำงาน และอาจขาดทักษะหรือเครื่องมือเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ซึ่งนายจ้างต้องตระหนักว่าพนักงานแต่ละคนมีความพร้อมในการ Work Remote ที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องปรับกลยุทธ์การทำงานให้เหมาะสม รวมถึงพิจารณาการช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานรูปแบบต่าง ๆ ให้กับทุกคนในองค์กร
4. อุตสาหกรรมดิจิทัลเป็นกลุ่มที่ต้องการทำงานแบบ Remote มากที่สุด ผู้จ้างงานในสายงานด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีส่วนใหญ่ รายงานว่าบริษัทมีตัวเลือกในรูปแบบการทำงานให้พนักงานเสมอ และพนักงาน 77% กล่าวว่า พวกเขาเต็มใจทำงานแบบ Remote อย่างเต็มที่ เนื่องจากลักษณะเนื้องานของพวกเขา และการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในอุตสาหกรรม
5. ผู้หางานให้ความสำคัญกับการมีอิสระในการทำงานทุกที่และทุกเวลา จากการสำรวจผู้ที่เพิ่งหางานทำหรือกำลังวางแผนที่จะหางานทำ เหตุผลสูงสุดสำหรับการหางานใหม่คือความต้องการของเงินเดือนที่มากขึ้น ตามด้วยเหตุผลด้านโอกาสทางอาชีพที่ดีขึ้น และเหตุผลอันดับสามคือรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น งานวิจัยของ McKinsey แสดงให้เห็นว่าสำหรับผู้ที่ออกจากงานในช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ เรื่องความยืดหยุ่นในที่ทำงานเป็นเหตุผลหลักที่พวกเขาอยากได้จากงานใหม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนายจ้างควรตระหนักว่าหากผู้สมัครกำลังตัดสินใจเลือกงานที่มีค่าตอบแทนใกล้เคียงกัน โอกาสในการทำงานที่ยืดหยุ่นอาจเป็นปัจจัยในการตัดสินใจของผู้สมัคร
‘Automattic’ เจ้าของ WordPress.com ที่ขึ้นชื่อในเรื่องสนับสนุนการทำงานแบบ Work Remote จนกลายเป็นบริษัทในฝันของใครหลายคน ซึ่งพนักงานของบริษัทนี้กว่า 95% เลือกทำงานที่บ้าน และพนักงานอีก 5% เลือกเข้าไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันบริษัทมีพนักงาน 1,800 คน จาก 45 ประเทศ และใช้ระบบการทำงานที่บ้านแบบเต็มรูปแบบ โดยที่บริษัทให้พนักงานเลือกได้เองว่าจะทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน อีกทั้งยังไม่มีกำหนดเวลาการทำงาน เพราะมีสมาชิกอยู่ทั่วทุกมุมโลก ทำให้เขตเวลาแตกต่างกันออกไป และองค์กรยังมองว่าการทำงานที่บ้านยังช่วยเปิดโอกาสในการเฟ้นหาพนักงานเก่ง ๆ ได้จากทั่วทุกมุมโลก แถมยังมีสวัสดิการเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงินที่เหลือจากค่าเช่าออฟฟิศให้กับเหล่าพนักงาน เพื่อปรับปรุงบ้านพักให้พร้อมเป็นที่ทำงาน หรือจะเอาไปเช่า Co-working Space เพื่อทำงานก็ได้ตามสะดวก
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานทั่วโลก ซึ่งองค์กรและพนักงานต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกันถึงความพร้อมและความต้องการของแต่ละฝ่ายแต่ละคน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการปรับรูปแบบและกลยุทธ์ขององค์กรหรือกับทีมงานของตน คำนึงถึงความพร้อมด้านเทคโนโลยีที่เป็นเครื่องมือที่สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานแบบ Work Remote เป็นไปได้อย่างราบรื่น โดยเลือกองค์กรต้องเลือกลงทุนในเทคโนโลยีให้ถูกจุด ปรับนโยบาย ปรับการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการทำงานแบบยืดหยุ่น ให้สอดรับกับโลกการทำงานยุคใหม่
สิ่งเหล่านี้ยังทำให้เกิดการทำงานแบบ Freelance หรือ Gig Worker เป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะช่วยเติมเต็มความต้องการทั้งฝ่ายนายจ้างและคนทำงาน โดยสิ่งหนึ่งที่จะสนับสนุนให้แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีศักยภาพมากขึ้นคือการมีสวัสดิภาพ สวัสดิการ และความมั่นคงให้อย่างเหมาะสม ท่านผู้อ่านสามารถร่วมสนับสนุนหรือแสดงความเห็นเรื่องนี้มาถึงผมได้ที่ www.thuntee.com/digitalworkforce นะครับ