RS เข้าซื้อกิจการขายตรงชั้นนำเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต

RS เข้าซื้อกิจการขายตรงชั้นนำเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต

RS ประกาศว่า บจ.ย๊าค ซึ่งเป็นบริษัทลูก ได้เข้าทำสัญญาซื้อธุรกิจขายตรงภายใต้แบรนด์ “Unilever Life” หรือ ULife จาก บจ. ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง (UTT) ในมูลค่ารวม 878 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำธุรกรรมเสร็จเรียบร้อยในเดือนพฤษภาคม 2565

เรามองว่าข่าวนี้เป็นบวกกับ RS เพราะดีลนี้จะเป็นทางลัดให้บริษัทขยายธุรกิจขายตรง และเพิ่มรายได้ธุรกิจพาณิชย์ ทั้งนี้ RS ได้เริ่มธุรกิจขายตรงภายใต้เครือข่าย Exclusive Distribution Network (EDN) หรือขายตรงผ่านพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจำหน่ายเฉพาะสินค้าของ RS คือ ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนเกรดพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ “WellU” การเข้าไปซื้อ ULife จะช่วย RS ในด้าน i) สายผลิตภัณฑ์ที่จะมีความหลากหลายมากขึ้น และ ii) จำนวนตัวแทนจำหน่าย/สมาชิกที่ซื้อสิ้นค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ULife มีสินค้า 43 ชนิด และ 76 SKUs ภายใต้สามกลุ่ม ได้แก่ “Aviance” (ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และของใช้ส่วนตัว), “Beyonde” (อาหารเสริม), “ifresh” (สินค้าสำหรับดูแลช่องปาก และฟัน) โดยมีผู้แทนจำหน่ายและสมาชิกในเครือข่ายมากถึงกว่า 150,000 ราย

 

คาดว่าดีลนี้จะทำให้กำไรในปี 2565F เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 5%

นอกจากจะเข้าไปซื้อหน่วยขายตรงที่มีผลิตภัณฑ์สามกลุ่มแล้ว ดีลนี้ยังรวมช่องทางการจัดจำหน่ายผู้บริหาร และพนักงานของ ULife ด้วย โดยมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 878 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการกู้ธนาคาร ทั้งนี้เมื่ออิงเป้ารายได้ที่ RS ตั้งไว้สำหรับ ULife (หลัง COVID ) ที่ประมาณปีละไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท และสมมติฐานดังต่อไปนี้ i) อัตรากำไรสุทธิ (net margin) ของ ULife ที่ประมาณ 10% ii) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารที่ราว 3.5% และ iii) คาดว่าจะรวมผลการดำเนินงานของ ULife เข้ามาในงบรวมใน 2H65 เราคาดว่า ULife จะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ของ RS เพิ่มขึ้นอีก 35 ล้านบาท

 

 

 

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565-2566 ขึ้นเพื่อสะท้อนการเข้าซื้อ ULife

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F-2566F ขึ้นเพื่อสะท้อนการเข้าซื้อ ULife โดยเราได้ปรับสมมติฐานสำคัญดังต่อไปนี้ i) เพิ่มรายได้ปี 2565F-2566F ขึ้นจากเดิม 11% - 19% และ ii) ปรับเพิ่มต้นทุนขึ้น 16% - 28% ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น และ iii) ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 5% - 9% ซึ่งหลังจากที่ปรับปรุงสมมติฐานดังกล่าวแล้ว ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิในปี 2565F เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 5% เป็น 680 ล้านบาท และปี 2566F เพิ่มขึ้น 12% เป็น 870 ล้านบาท

 

Valuation and action

ภายใต้ประมาณการใหม่ ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ของเราขยับเพิ่มขึ้นเป็น 21.00 บาท จากเดิม 19.90 บาท (PER ที่ 30เท่า) โดยเรายังคงคำแนะนำ"ถือ" RS ทั้งนี้เรามองว่า RS ยังมี upside อีกจาก i) Popcoin และ ii) ดีล M&A ซึ่งเรายังไม่ได้รวมเข้ามาไว้ในประมาณการของเรา

 

Risks

รายได้จากธุรกิจพาณิชย์ต่ำกว่าที่คาดไว้