ตักแมงกะพรุนลอยกลางทะเลขาย ซื้อขายตัวละ 5 บาท โกยรายได้

ตักแมงกะพรุนลอยกลางทะเลขาย ซื้อขายตัวละ 5 บาท โกยรายได้

ชาวประมง จ.ตรัง ออกเรือแห่ตักแมงกะพรุนลอยกลางทะเลขาย ซื้อขายตัวละ 5 บาท โกยรายได้วันละหลักพันถึงหมื่นบาท ทำเงินแพร่สะพัดในชุมชนกว่า 1 แสนบาทต่อวัน สร้างรายได้มากกว่าการทำประมงพื้นบ้าน

วันนี้ 10 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ และ ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้นำเรือหางยาว เรือหัวโทงหลากหลายขนาด แล่นออกไปกลางทะเล เพื่อตัดแมงกะพรุนนับแสนตัว ที่ลอยอยู่กลางทะเลในช่วงฤดูแล้งนี้ โดยในหนึ่งลำเรือจะประกอบไปด้วยคนงานรวมเจ้าของเรือประมาณ 2-3 คน ใช้เครื่องมือตักเพียงอันเดียวซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคลาด ตักเอาแมงกะพรุนขึ้นลำเรือได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เนื่องจากแมงกะพรุนลอยอยู่เต็มผืนน้ำทะเลนับแสนๆตัว เมื่อได้เต็มลำเรือแล้วจะแล่นเรือกลับมาส่งให้พ่อค้าคนกลางระยะทางประมาณ 1 กม. ที่เปิดแพรับซื้ออยู่ริมชายฝั่ง ในพื้นที่หมู่ 4 ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2 ราย โดยรับซื้ออยู่ที่ตัวละ 5 บาท

ก่อนจะพบเห็นว่ามีเรือของชาวบ้านกว่า 100 ลำ ลอยลำเพื่อรอคิวนำแมงกะพรุนที่ตักมาได้ใส่ลงในกระชัก เมื่อชาวประมงพื้นบ้านหรือคนที่จับมาขายย้ายแมงกะพรุนลงเต็มกระชังแล้ว จะมีการย้ายจากกระชังผ่านทางท่อลงสู่บ่อพักของทางผู้รับซื้อผ่านทางท่อ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการล้างด้วยน้ำให้สะอาด จัดเรียงตามขนาด และนำเข้าสู่บ่อการพักเก็บ โดยมีการใช้เกลือ สารส้ม และโซดาผสมลงไปในบ่อเพื่อการเก็บรักษาได้อย่างยาวนาน ระหว่างที่รอนำไปตลาด โดยคนงานทุกคนเป็นคนในชุมชนทั้งหมด ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวประมงที่ออกเก็บแมงกะพรุนมาขายมีรายได้วันละ 5,000-6,000 บาท หรือบางรายมีรายได้ถึงหลักหมื่นบาทต่อวันเลยที่เดียว ส่วนคนงานที่ทำงานอยู่ในแพที่รับซื้อมีรายได้ชั่วโมงละ 40-50 บาท ทำเงินสะพัดภายในชุมชนวันละหลักแสนบาท

สอบถาม นายสมาน ใจสมุทร หรือบังม้อง อายุ 49 ปี ตัวแทนพ่อค้าคนกลาง และเป็นชาวประมงพื้นบ้านที่ออกหาแมงกะพรุนด้วย กล่าวว่า ตนเองเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเปิดเป็นจุดรับซื้อ และเป็นตัวแทนของพ่อค้าคนกลาง โดยเราจะรับซื้อเป็นตัว ตัวละ 5 บาท โดยตกอยู่ที่ลำละ 1,000 ตัว ถึง 1,500 ตัว โดยเรือแต่ละลำจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขนาดของลำเรือที่สามารถบรรจุมาได้ หากเฉลี่ยรายได้ที่ชาวประมงนำมาขายตกอยู่ที่ลำละ 5,000 ถึง 6,000 บาทต่อ 1 เที่ยว แต่หากบางลำขยันหรือนำมาส่งขายได้ทัน หรือทำเวลาได้ดี อาจจะถึงหลักหมื่นบาทต่อวันก็มี แต่ส่วนใหญ่จะมาเสียเวลาระหว่างที่รอคิวมาส่งให้กับจุดรับซื้อซึ่งใช้ระยะเวลานานเพราะมีเรือหลายลำ

บังม้อง กล่าวอีกว่า ส่วนราคาในปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว ปีที่แล้วตัวละ 3 บาท เพราะปีที่แล้วแมงกะพรุนตัวเล็ก ปีนี้ตัวใหญ่กว่า ส่วนราคาที่เคยสูงสุดเมื่อหลายปีก่อนอยู่ที่ตัวละ 8 บาท และปีนี้เกิดปัญหาของการที่ส่งออกไม่ได้ ของมีเต็มสต๊อก ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ราคาอยู่ในระดับนี้ ซึ่งเมื่อรับซื้อแล้วก็จะนำไปขายส่งโรงงานอย่างเดียว ส่วนใหญ่ก็จะนำไปบริโภค และโรงงานยังส่งไปยังประเทศเกาหลี จีน ใต้หวัน ส่วนตลาดภายในประเทศก็จะเป็นร้านหมูกระทะ ร้านซีฟู้ด เป็นต้น ส่วนที่แมงกะพรุนจะลอยขึ้นมาสามารถเก็บได้จะอยู่ในช่วงเดือน ก.พ. ถึง พ.ค. แต่ปีหนึ่งก็มีแค่ช่วงเดียว หากมีพายุหรือมรสุมก็จะเก็บไม่ได้ หรือบางปีหากพายุมรสุมมาช้าก็จะเก็บตักได้ยาวนานถึง 7 เดือน ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงที่มีเรือต่างก็ออกกันหาเกือบทุกลำ ไม่เว้นแม้กระทั้งเรือโดยสาร เพราะสร้างรายได้ดีกว่าการทำประมงพื้นบ้านและวิ่งเรือโดยสาร เพราะการออกไปตักเพียงแค่ 1 ชม.ก็ตักได้เต็มลำเรือแล้ว โดยตกอยู่ที่แพละ 50 ลำ ซึ่งตอนนี้มีเปิดรับซื้ออยู่ 2 แพ ก็อยู่ที่ 100 ลำต่อวัน ส่วนคนงานประมาณ 30 คน ที่แพเป็นคนจ้างมาคัดแยก หรือจัดการภายในแพก็จะเป็นการจ้างคนในชุมชน โดยมีค่าจ้างชั่วโมงละ 40-50 บาท และหากหลังจาก 6 โมงเย็นแล้วจะเพิ่มชั่วโมงละ 10 ละ

ขณะ นายอนุสรณ์ แจะสา หรือบังเต้ อายุ 38 ปี ชาวประมงพื้นบ้านจากเกาะสุกรที่นำแมงกะพรุนมาขาย กล่าวว่า ราคาแต่ต่างจากปี่ที่แล้ว ผลพวงจากปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งค่าเช่าที่ของแพ และพอมีแมงกะพรุนให้ตักได้เยอะราคาก็ถูกลง แต่อย่างไรชาวประมงพื้นบ้านก็พออยู่ได้ ซึ่งคนที่มีเรือก็จะออกกันไปตักทุกลำเรือ โดยออกไปตักก็ไม่ไกลจากฝั่งเพียงแค่ 1 กม.เท่านั้น.