“บูทิค คอร์ปอเรชั่น” รุกเปิดโรงแรม 3 แห่งใหม่ ปักหมุดทำเลทอง สุขุมวิท-นิมมาน
“บูทิค คอร์ปอเรชั่น” รุกขยายพอร์ตอสังหาฯ เปิดโรงแรม 3 แห่งในปีนี้ ปักหมุดทำเลทอง “สุขุมวิท-นิมมานฯ” มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท รับไฮซีซั่นท่องเที่ยวไทย สลัดไข้ฟื้นจากวิกฤติโควิด ส่วนปี 66 ลุยเปิดอีก 2 โครงการใหม่ต่อเนื่อง ทั้งโรงแรมและคอมมูนิตี้มอลล์
นายปรับ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้โมเดลธุรกิจ “สร้าง-ดำเนินการ-ขาย” กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯจะเปิดโรงแรมใหม่ 3 แห่ง รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท แห่งแรกคือ โรงแรมโอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก โรงแรมระดับ 4 ดาว สูง 8 ชั้น จำนวน 177 ห้องพัก ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 1 ไร่ในซอยสุขุมวิท 36 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ ศูนย์กลางย่านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการรวม 1,250 ล้านบาท ขณะที่เงินลงทุนอยู่ที่ 70-80% ของมูลค่าโครงการ คาดสามารถทำกำไรได้ภายใน 3-4 ปี
สำหรับจุดขายของแบรนด์โรงแรมโอ๊ควู้ด โดดเด่นเรื่องบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับลูกค้ากลุ่มพำนักระยะยาว (ลองสเตย์) คาดโรงแรมใหม่แห่งนี้มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มลองสเตย์ 40% ส่วนอีก 60% เป็นกลุ่มพำนักระยะสั้น โดยปีแรกที่เปิดให้บริการคาดว่าจะมีลูกค้าจากภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โรงแรมโอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก ถือเป็นโครงการอันดับ 4 ที่ โอ๊ควู้ด (Oakwood) เชนโรงแรมชั้นนำระดับโลกได้เข้ามาบริหารให้กับบริษัทฯ เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2565 โดยเป็นโรงแรมในสไตล์สตูดิโอแห่งที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในเครือโอ๊ควู้ด ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Stylish Modern Hotel ชูความโดดเด่นในสไตล์ทันสมัย ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่
ส่วนแห่งที่ 2 เตรียมเปิดโรงแรมไอบิส ใน จ.เชียงใหม่ ภายใต้การบริหารของเครือแอคคอร์ ตั้งอยู่ในย่านนิมมานเหมินทร์ ขนาดประมาณ 140 ห้องพัก มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และแห่งที่ 3 โรงแรมโจโน (Jono) เป็นแบรนด์ของบริษัทฯเอง ขนาด 64 ห้องพัก ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 16 มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท โดยทั้งสองแห่งเตรียมเปิดให้บริการในเดือน พ.ย.นี้ซึ่งเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) พอดี
“เมื่อเปิดโรงแรมใหม่อีก 3 แห่งดังกล่าวภายในปีนี้ ทำให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯมีโรงแรมในพอร์ตรวม 10 แห่ง ส่วนปี 2566 จะเปิดให้บริการอีก 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โรงแรมในกรุงเทพฯ 1 แห่ง และคอมมูนิตี้มอลล์ 1 แห่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านเจริญกรุง บริเวณแยกถนนจันทน์ตัดกับถนนเจริญกรุง รายล้อมไปด้วยที่พักอาศัย โรงแรมหรู และโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ”
นอกเหนือจากการเดินหน้าขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แล้ว บริษัทฯได้เปิดตัวธุรกิจใหม่เพิ่มเติมต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ เพื่อกระจายความเสี่ยงธุรกิจ โดยวันที่ 9 ก.ย.นี้ เตรียมเปิดให้บริการ คลินิก เวลเนส เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ในโครงการซัมเมอร์พอยต์ หนึ่งในมิกซ์ยูสของบริษัทฯ ตรงสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดร้านขายยากัญชาเพื่อการแพทย์ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 16 ไปแล้ว
นายปรับ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทย เห็นชัดว่ามีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาจำนวนมากในช่วงนี้ที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังมีข้อจำกัดด้านการเดินทางออกนอกประเทศ โดยมองว่าในอนาคตจำเป็นต้องรักษาสมดุลของตลาดหลักระหว่างจีนกับอินเดียเอาไว้ให้ดี จากก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ภาคท่องเที่ยวไทยพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวจีนมากเกินไป เพราะการพึ่งพาแค่ตลาดเดียว ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีนักในการทำตลาดท่องเที่ยว
“จากการติดตามภาพรวมสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ คาดปัจจุบันมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 40-50% เฉพาะย่านสุขุมวิทมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 70%”
เมื่อดูเฉพาะธุรกิจโรงแรมของบริษัทฯ ประเมินว่าปี 2565 จะมีอัตราเข้าพักและรายได้เติบโต 40% เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งฟื้นตัว 30-40% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด นับเป็นการฟื้นตัวที่น่าพอใจ หลังปรับตัวเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ธุรกิจโรงแรมจากวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งเผชิญมาตลอด 2-3 ปี