สุญญากาศ 'การลงทุน' ไร้ผู้นำ – ไร้เชื่อมั่น
จับตาวิกฤตภาวะ "ไร้ผู้นำ" ที่มีอำนาจเต็ม กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ดันเกิดสุญญากาศการลงทุน ด้าน กกร.ชี้ทางออกจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต้องจบภายใน ส.ค.นี้
“การจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว” เป็นหนึ่งในประโยคที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเห็นพ้องต้องกันในขณะนี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีรัฐบาล จะนำมาซึ่งนโยบายขับเคลื่อนประเทศที่ชัดเจน สร้าง “ความเชื่อมั่น” ให้กับนักลงทุน ท่ามกลางการอัดอั้นทางการลงทุนหลังเผชิญวิกฤติโควิด-19
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรเดียวที่ชื่อว่า “การท่องเที่ยว” ในขณะนี้ภาคการส่งออกถูกกดดันจากเศรษฐกิจโลกทำให้ยังคงชะลอตัว ส่วนการลงทุนภายในประเทศยังไม่สดใส หรืออาจเรียกได้ว่าซึมต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากผลของความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและการลงทุนจากการเบิกจ่ายของรัฐบาลยังถูกแช่แข็ง
โดยกรณีศึกษาที่เห็นได้ชัดว่าภายใต้ภาวะ “ไร้ผู้นำ” ที่มีอำนาจเต็ม จากความไม่ชัดเจนทางการเมืองนี้ กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ยกตัวอย่างจากการออกประกาศเชิญชวนร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ปรากฏว่าไม่มีเอกชนรายใดมายื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมลงทุนโครงการ
เช่นเดียวกับเมื่อไม่นานมานี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนเพื่อบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” ที่เคยมั่นหมายไว้ว่าจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางของไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยมีบิ๊กเอกชนเข้าซื้อซองเอกสาร แต่ผลปรากฎว่าไม่มีบิ๊กเอกชนรายใดยื่นข้อเสนอ รวมไปถึงโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ 12 สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงก็ไร้เงาเอกชนซื้อซองเอกสาร
ภายใต้สถานการณ์ความไม่มั่นใจทางการลงทุนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยังได้รับคำยืนยันจากทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดย “เกรียงไกร เธียรนุกูล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ออกมาระบุว่า ในฐานะภาคเอกชนมองว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ตามไทม์ไลน์คือแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้ จะสามารถฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ที่ขณะนี้ยังคงรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาล แต่หากยังดำเนินการล่าช้าอาจส่งผลให้นักลงทุนกลุ่มนี้ เริ่มต้นลงทุนในจุดหมายปลายทางอื่น แต่อย่างไรก็ดี หากมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ จะส่งผลบวกต่อการเริ่มต้นเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ เริ่มการลงทุนในส่วนของภาครัฐ ให้เป็นเครื่องยนต์สำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ภาคส่งออกสะดุด
“กกร. เราเห็นพร้อมกันว่าการตั้งรัฐบาลให้ได้อย่างช้าในเดือน ส.ค.นี้ เพราะหากเว้นว่างไว้นานจะทำให้เสียโอกาส ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การส่งออกเพิ่งพาไม่ได้ ซึ่งจากการหารือกับ 20 อุตสาหกรรมก็ออกมายอมรับว่าขณะนี้ออเดอร์เริ่มหดตัวแล้ว ดังนั้นการจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ นอกเหนือจากการพึ่งพาภาคท่องเที่ยว การลงทุนจากภาคเอกชน และภาครัฐจากงบประมาณเบิกจ่ายเป็นเรื่องสำคัญ”
สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ภาวะ “ไร้ผู้นำ” ที่มีอำนาจเต็มที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในขณะนี้ แน่นอนแล้วว่าเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ภาคลงทุน “ไร้เชื่อมั่น” และหากท้ายที่สุดการจัดตั้งรัฐบาลยังคงยืดเยื้อ นอกจากสูญเสียโอกาสทางการลงทุนแล้ว คงต้องจับตาดูด้วยว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะฟื้นตัวบนเครื่องจักรการท่องเที่ยวได้เพียงใด