‘คลัง’ เล็งของบกลางฯเพิ่มพันล้าน อุดหนุนราคา ‘รถ EV’ ต่ออีก 3 เดือน

‘คลัง’ เล็งของบกลางฯเพิ่มพันล้าน อุดหนุนราคา ‘รถ EV’ ต่ออีก 3 เดือน

คลังเตรียมของบฯกลาง อุดหนุนรถ EV เพิ่มหลังวงเงินเดิม 3,000 ล้านจ่อหมด 30 ก.ย.นี้ หวัง กกต.ผ่อนผัน เหตุเป็นมาตรการต่อเนื่อง ส่วนแพคเกจ EV3.5 ต้องรอรัฐบาลใหม่ เลขาฯ ครม.ชี้ต้องลุ้นว่าหลัง ครม.อนุมัติแล้ว กกต.จะอนุมัติหรือไม่ หากมองว่าผูกพันไปยังรัฐบาลหน้า

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่ากระทรวงการคลังเตรียมที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน พ.ศ.2566 เพื่อเป็นวงเงินเพิ่มเติมในการส่งเสริมมาตรการรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ตาม "มาตรการ อีวี 3.0" ที่อุดหนุนส่วนลดในการซื้อรถอีวี ไม่เกินคันละ 150,000 บาทหลังจากวงเงินที่ ครม.ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้ประมาณ 3,000 ล้านบาทเพื่อใช้อุดหนุนราคาจำหน่ายรถอีวีในประเทศให้ถูกลง กำลังจะหมดลงในภายในเดือน ก.ย.นี้

เบื้องต้นวงเงินที่กระทรวงการคลังจะเสนอของบกลางฯจาก ครม.จะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท สำหรับการใช้อุดหนุนรถอีวีไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค. - 31 ธ.ค.2566 หลังจากวงเงินเดิมจะหมดลงในเดือนก.ย.นี้ 

อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.แล้วหาก ครม.ให้ความเห็นชอบก็ต้องส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขออนุมัติ ซึ่งแนวโน้มที่ กกต.จะอนุมัติก็มีความเป็นไปได้เนื่องจากมาตรการนี้เป็นมาตรการที่มีความต่อเนื่องไม่ใช่มาตรการหรือโครงการใหม่ที่จะกระทบการบริหารงานของรัฐบาลหน้า

“มาตรการ อีวี 3.0 จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค. 66 แต่วงเงินที่ใช้ในการอุดหนุนส่วนลดในการซื้อรถอีวีจะหมดลงตั้งแต่เดือนก.ย.เนื่องจากก่อนหน้านี้มีประชาชนสนใจซื้อรถอีวีเป็นจำนวนมากทำให้เงินอุดหนุนไม่เพียงพอจะใช้ไปจนถึงสิ้นปี 2566 ได้จึงต้องขอ ครม.อนุมัติวงเงินจากงบกลางฯบางส่วนมาสนับสนุนเพื่อให้ ดีมานต์ของการซื้อรถอีวีของประชาชนไม่สะดุด”แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ และผลิตรถอีวีที่เป็นชุดมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมในชุด “มาตรการ EV3.5” ที่มีทั้งการอุดหนุนส่วนลดให้กับผู้ซื้อรถอีวีคันละไม่เกิน 100,000 บาท รวมทั้งมาตรการสนับสนุนทางการเงินให้แก่บริษัทที่จะลงทุนในโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์อีวีในประเทศไทย

แหล่งข่าวกล่าวว่าจะต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณา โดยคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เตรียมจะเสนอแพคเกจนี้ให้ครม.ชุดใหม่พิจารณาเห็นชอบเพื่อเป็นมาตรการที่จะส่งเสริมการใช้และผลิตรถอีวีในประเทศไทยต่อไป

 

‘คลัง’ เล็งของบกลางฯเพิ่มพันล้าน อุดหนุนราคา ‘รถ EV’ ต่ออีก 3 เดือน

ด้านนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.กล่าวว่าการเสนอเรื่องขอเงินสนับสนุนรถอีวีเพิ่มเติมโดยขอจากงบกลางฯหากเข้ามาสู่การประชุมของ ครม. แล้วผ่านความเห็นชอบ ต้องเสนอไปยัง กกต.เพื่อพิจารณาด้วยเช่นกัน โดยสิ่งที่ กกต.จะพิจารณาก็คือเรื่องที่เสนอไปเป็นเรื่องที่ ครม.รักษาการสามารถทำได้หรือไม่

โดยหากขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 169 (1) ส่วนใหญ่ กกต.จะไม่อนุมัติเนื่องจากผูกพันไปถึงรัฐบาลหน้า ซึ่งกฎหมายกำหนดไม่ให้รัฐบาลรักษาการกระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อครม.ชุดต่อไป เว้นแต่ที่กำหนดไว้แล้วในงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน

รวมทั้งไม่แต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำหรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ก่อนเช่นกัน

สำหรับมาตรการส่งเสริมดีมานต์รถอีวีในประเทศนั้นมีข้อเสนอต่อเนื่อก่อนหน้านี้ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566

ได้รับทราบว่า ที่ประชุมครม. เมื่อต้นปี 2565 ได้รับทราบแนวทาง การดำเนินนโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (EV3) และเห็นชอบในหลักการการจัดหาแหล่งงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2568 วงเงิน 40,000 ล้านบาท จากแหล่งงบประมาณที่เหมาะสม และการขอใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 3,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการมาตรการ EV 3 นั้น กรมสรรพสามิตได้รายงานว่า มีจำนวนผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ ลงนามข้อตกลงเข้าร่วมมาตรการ รวม 12 ราย แบ่งเป็น ผู้ประกอบการรถยนต์ 9 ราย และผู้ประกอบการ รถจักรยานยนต์ 3 ราย 

โดยมีปริมาณของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ขอรับสิทธิในปี 2565 รวมทั้งสิ้น 39,722 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รวม 35,322 คัน และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รวม 4,400 คัน โดยงบประมาณจำนวน 3,0000 ล้านบาท จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดังกล่าว สามารถรองรับการดำเนินมาตรการ EV 3 ได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 หรือถึงเดือนกันยายน ปี 2566 เท่านั้น

สำหรับแหล่งงบประมาณที่ใช้ในการสนับสนุนมาตรการ EV3 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567-2568 นั้น คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เห็นว่า ยังไม่สามารถนำเงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาใช้ดำเนินมาตรการได้

เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องขอบเขตและวัตถุประสงค์ ของการใช้เงินกองทุน ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต พิจารณาเสนอขอรับการจัดสรร งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ไปพลางก่อน