รัฐบาลตั้ง ‘ธงทอง’ สางปัญหาลงทุน แก้ปัญหาธุรกิจ - เร่ง ‘Ease doing Business’

รัฐบาลตั้ง ‘ธงทอง’ สางปัญหาลงทุน แก้ปัญหาธุรกิจ - เร่ง ‘Ease doing Business’

"เศรษฐา" สั่งตั้งกรรมการแก้ปัญหาอุปสรรคการลงทุน ตั้ง "ธงทอง" นั่งประธานกรรมการ หลังรับฟังปัญหานักลงทุนปัญหากฎหมายล้าสมัย Ease of doing business หลายข้อสร้างอุปสรรคการลงทุนใหม่ - ขยายการลงทุน เล็งชงแก้กฎกระทรวงดึงน้ำจากอ่างเก็บน้ำในจันทบุรี ป้อนให้อีอีซีป้องกันแล้ง

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุน หรือขยายการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้สั่งการด่วนให้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมี ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นรองประธานกกรรมการ รวมทั้งมีนักกฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นคณะทำงาน เพื่อดูแลในเรื่องนี้โดยเฉพาะ

 

รัฐบาลตั้ง ‘ธงทอง’ สางปัญหาลงทุน แก้ปัญหาธุรกิจ - เร่ง ‘Ease doing Business’

โดยคณะกรรมการชุดนี้ตั้งขึ้นภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้เริ่มมีการหารือกับนักลงทุนต่างชาติที่สะท้อนปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่ขาดความทันสมัยและเป็นสากลทั้งในเรื่องการก่อตั้งธุรกิจ และการดำเนินธุรกิจ (Ease of doing business)

รัฐบาลจึงจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการในเรื่องนี้ขึ้นและมอบหมายให้ ศาสตราจารย์พิเศษธงทองเป็นประธานและเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยก่อนหน้านี้มีบางบริษัทที่ได้ประกาศแผนการลงทุนในไทยแล้วมูลค่าหลายแสนล้านบาทแต่หลังจากที่ลงทุนในระยะที่ 1ไปแล้วจะมีการลงทุนเพิ่มกับติดขัดข้อกฎหมายบางอย่างเช่นข้อกำหนดเรื่องคลังน้ำมันซึ่งลักษณะแบบนี้รัฐบาลสามารถแก้กฎกระทรวงให้มีความทันสมัยมากขึ้นได้

  • แก้กฎกระทรวงผันน้ำเข้าอีอีซี

นอกจากนี้ในเรื่องการเตรียมความพร้อมในเรื่องการรองรับการลงทุน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการหารือกับกรมชลประทาน และนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อหารือแผนการรองน้ำในพื้นที่อีอีซีให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในช่วงฤดูร้อนในปี 2567 โดยในอีอีซีต้องการ ใช้น้ำสำหรับอุตสาหกรรมประมาณ  5.5 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งถือว่ามีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับการดึงการลงทุนจากต่างประเทศที่มากขึ้นจะทำให้ความต้องการน้ำเพิ่มอีกประมาณ 20%

รัฐบาลจึงเตรียมที่จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาแก้มติ ครม. ปี 2552 เรื่องเกี่ยวกับการบริหารแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อให้สามารถนำน้ำจากอ่างเก็บน้ำจังหวัดจันทบุรีเข้ามาเติมในพื้นที่อีอีซีได้เพียงพอ เนื่องจากมีแหล่งกักเก็บน้ำในจังหวัดจันทบุรีที่สร้างเสร็จแล้ว 3 อ่าง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 1  อ่าง  แต่ติดมติครม. ปี 2562 ที่มีมติให้สร้างแล้วเสร็จทั้ง 4 อ่าง จึงจะสามารถปล่อยน้ำมาใช้ได้ ซึ่งหากสามารถแก้ไขมติ ครม.แล้วจะทำให้สามารถผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่สร้างเสร็จแล้วมาใช้ในพื้นที่อีอีซีได้