ถอดบทเรียน กม. ‘Aging Society’ ญี่ปุ่น สภาพัฒน์ จับมือ JICA รับมือสังคมสูงวัย
"สภาพัฒน์" หารือ "ไจก้า" ถอดบทเรียนญี่ปุ่นเข้าสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ศึกษากฎหมายเพื่อตั้งรับกับสังคมสูงวัย เล็งปรับนิยามสูงอายุไม่ได้วัดโดยวัยอย่างเดียว พร้อมดันเศรษฐกิจ Silver Economy เป็นทางเลือกเพิ่มรายได้ให้ผู้สูงอายุ ควบคู่ปรับปรุงงบประมาณรับอนาคต
ในปี 2566 สังคมไทยเริ่มสู่การเป็นสังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยมีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี จำนวนมากเกือบ 20% ของประชากรทั้งหมด
จากข้อมูลของกรมกิจการผู้สูงอายุ ระบุว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 มีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี มีจำนวน 12,698,362 คน หรือคิดเป็น 19.21% ของประชากรทั้งหมด 66,090,475 คน ในจำนวนผู้สูงอายุกว่า 12 ล้านคนนี้ เป็นชาย 5.6 ล้านคน และหญิง 7.07 ล้านคน โดยกลุ่มที่มากที่สุดประมาณครึ่งหนึ่ง คือ กลุ่มอายุ 60-69 ปี
การเข้าสู่สังคมสูงอายุทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมในหลายด้าน ทั้งเรื่องการจัดระบบรักษาพยาบาล การดูแลผู้สูงอายุในระดับครัวเรือน และท้องถิ่น ขณะเดียวกันในเรื่องงบประมาณ และรายจ่ายของประเทศก็เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมความพร้อมซึ่งอาจจะมีการศึกษา และร่วมมือกับหน่วยงานของประเทศอื่นๆที่มีประสบการณ์ในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาก่อน เช่น ประเทศญี่ปุ่นว่ามีแนวทางในการเตรียมพร้อมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างไรบ้าง
เมื่อเร็วๆนี้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ประชุมหารือกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JICA (Japan International Cooperation Agency) โดยมี นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุม และมี Mr. Kazuya SUZUKI, Chief Representative JICA พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ JICA จำนวน 4 ท่านเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการทำงานร่วมกันในการจัดทำแนวทางตั้งรับและขับเคลื่อนนโยบายเพื่อรองรับสังคมสูงวัยระดับสมบูรณ์ ณ ห้องประชุมสุนทร หงส์ลดารมภ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยในการประชุมหารือ ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานและความเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือกันอย่างรอบด้าน โดย "JICA" นำเสนอประสบการณ์ในการตั้งรับสังคมสูงวัยของประเทศญี่ปุ่น โดยมีเรื่อง การออกกฎหมายเพื่อตั้งรับกับสังคมสูงวัย (Basic Law on Measures for the Aging Society) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 กำหนดญี่ปุ่นให้เป็น Age-free society ที่ไม่มองความสูงวัยในมิติด้านอายุเป็นหลัก รวมถึงมีมาตรการรองรับ ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการจ้างงาน/รายได้ สุขภาพและสวัสดิการ การเรียนรู้และการมีส่วนร่วม สภาพแวดล้อมที่อาศัย การวิจัยและพัฒนา และการสนับสนุนความสำเร็จของทุกเจเนอเรชั่น
อีกทั้ง ยังมีการประเมินภาระค่าใช้จ่ายด้านการจัดสวัสดิการต่อรายได้ของรัฐบาลซึ่งควรมีการปฏิรูปโครงสร้างดังกล่าวที่ไม่สมดุลอยู่โดยมีภาระค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งได้นำเสนอประสบการณ์การดำเนินงานการตั้งรับกับสังคมสูงวัยในระดับพื้นที่ เช่น การพัฒนาแนวทางในการให้บริการด้านสุขภาพและสังคมแก่ผู้สูงอายุในระดับพื้นที่ การฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ การสร้างความร่วมมือกับบริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุของญี่ปุ่นในการนำไปใช้กับพื้นที่นำร่อง รวมถึงแผนการดำเนินงานในอนาคต
โดยเน้นการขับเคลื่อนร่วมกับท้องถิ่น ผ่านโครงการ Sustainable Local Revitalization เพื่อพัฒนาโมเดลในการยกระดับสุขภาวะให้กับผู้สูงอายุและสนับสนุนการอยู่ร่วมกันของทุกเจเนอเรชั่น โดยมีแผนจะดำเนินการในปี 2567 – 2570
สศช.เสนอแผนรับมือผู้สูงอายุ
ในการนี้ สศช.ได้นำเสนอการดำเนินงานที่จะรองรับสังคมสูงวัยในเรื่องการจัดทำข้อมูลงบประมาณด้านสังคม (social budgeting) ของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการติดตามสถานการณ์ทางการคลังของงบประมาณด้านสังคมของประเทศ และช่วยวิเคราะห์ความครอบคลุมและแนวโน้มยั่งยืนทางด้านการคลังของระบบความคุ้มครองทางสังคม อีกทั้ง ยังได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องกรอบแนวคิดและประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจสูงวัย (silver economy) ในบริบทของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ใน 2 มิติสำคัญ ได้แก่ มิติโอกาสภาคการผลิตสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุและโอกาสของตลาดงานใหม่ ๆ และมิติการใช้ศักยภาพผู้สูงอายุในการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งในเรื่องการจ้างงานและการรวมกลุ่มในการเป็นผู้ประกอบการ ทั้งนี้ จะมีการหารือในเชิงการพัฒนาเป็นนโยบาย/แนวทางการดำเนินการร่วมกับ JICA ต่อไป