ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น แต่ภาษีสินค้าของสหรัฐฉุดไว้

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี แต่ถูกรั้งไว้จากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐที่อาจมีผลบังคับใช้ในสุดสัปดาห์นี้
รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดน้ำมันโลกวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.)ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าปิดตลาดเพิ่มขึ้น 29 เซ็นต์ หรือ 0.4% แตะที่ 76.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐ (WTI) ปิดตลาดที่ 72.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 11 เซ็นต์ หรือ 0.2% จากวันพุธซึ่งเป็นวันที่ปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในปีนี้
“ใกล้จะถึงกำหนดเส้นตายแล้ว และผู้คนเริ่มรู้สึกวิตกกังวล” ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ Price Futures Group กล่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% โดยเร็วที่สุดในวันเสาร์นี้ หากทั้งสองประเทศยังปล่อยให้มีการส่งสารเสพติด เฟนทานิลข้ามพรมแดนสหรัฐ
ในวันอังคาร ทำเนียบขาวยืนยันแผนของทรัมป์ที่จะเก็บภาษีศุลกากร ขณะที่เมื่อวันพุธ ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าทั้งสองประเทศสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้หากดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อปิดพรมแดนของตนเพื่อควบคุมเฟนทานิล
อย่างไรก็ตาม โทนี่ ซิคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดของ IG กลุ่มบริษัทให้บริการด้านการเงิน กล่าวว่าผู้ค้าได้รับรู้แผนการขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ไว้แล้ว: “นี่คือ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบซื้อขายกันในจุดที่เป็นอยู่”
พายุฤดูหนาวส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของสหรัฐ ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นลดการผลิต นักวิเคราะห์คาดว่าสำรองน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล ตามการสำรวจของรอยเตอร์ส
ในด้านอุปทาน มาตรการคว่ำบาตรมอสโกล่าสุดของสหรัฐ กำลังกดดันการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะลดลง 8% ในเดือนกุมภาพันธ์จากแผนในเดือนมกราคม เนื่องจากมอสโกเร่งการกลั่นน้ำมัน ตามการคำนวณของผู้ค้าและรอยเตอร์ส
นักลงทุนยังตั้งตารอการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย ซึ่งเรียกรวมกันว่าโอเปกพลัส(OPEC+) ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 3 ก.พ.
กลุ่มดังกล่าวจะหารือถึงความพยายามของทรัมป์ในการเพิ่มการผลิตน้ำมันของสหรัฐ และแสดงจุดยืนร่วมกันในเรื่องนี้ คาซัคสถานกล่าวเมื่อวันพุธ
ทรัมป์เรียกร้องให้โอเปก และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่ที่สุด ลดราคาน้ำมันลง โดยกล่าวว่า การทำเช่นนี้จะยุติความขัดแย้งในยูเครน นอกจากนี้ เขายังกำหนดแผนงานในการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซในสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกและอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าสงครามราคาระหว่างสหรัฐ และ OPEC+ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบทางลบต่อทั้งสองฝ่าย
นักวิเคราะห์จาก BMI ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Group ระบุในบันทึกว่า “ในการทำสงครามราคากับสหรัฐ OPEC+ จะเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อลดราคาและทำให้การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานน้ำมันของสหรัฐลดลง”