อินเดียกำลังมุ่งหน้าไปสู่ “New India” ภายใน ค.ศ. 2022(ตอน 2)
ความตอนที่แล้ว เราได้รับทราบถึง แนวคิด ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ(Strategy for New India@75) และโครงการพัฒนาที่น่าสนใจบางส่วน การก้าวสู่ “New India”
ตามที่นายนเรนทรา โมดี ประกาศเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี ของวันประกาศเอกราช(Independence Day) ให้ได้ภายใน ค.ศ.2022 เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2560 ซึ่งบทความในตอนที่ 2 จะต่อเนื่องกับโครงการพัฒนาที่น่าสนใจ และการเตรียมพร้อมของประเทศไทยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
(4) กลุ่มธรรมาภิบาล ประกอบด้วยการพัฒนา 7 สาขาหลักคือ (1) การรักษาสมดุลการพัฒนาในระดับภูมิภาค (2) การพัฒนาภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย (3) การปฏิรูปกฎหมายและการพิพากษาคดี (4) การปฏิรูประบบราชการ (5) การยกระดับการบริหารงานในชุมชนเมือง (6) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน และ (7) การกำหนดนโยบายและการบริหารราชการบนพื้นฐานของข้อมูลจริง
แผนงานที่น่าสนใจ อาทิ (1) การเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากพื้นที่ห่างไกลเพื่อให้ผู้มีอำนาจในระดับนโยบายสามารถอนุมัติงบประมาณแก้ปัญหาได้ตามข้อเท็จจริงที่มีฐานข้อมูลรองรับ (2) เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น (3) เร่งกระบวนการการพิจารณาทางกฎหมายโดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจที่จะส่งผลกระทบต่อ Ease of Doing Business เป็นต้น
ความเป็นไปได้ที่จะเห็นอินเดียใหม่ภายในปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565)
ยุทธศาสตร์อินเดียใหม่นี้ได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาอย่างครอบคลุมและชัดเจน เน้นสานต่อนโยบายเดิมโดยระบุข้อบกพร่องและเสนอแนวทางแก้ไข และรัฐบาลได้ดำเนินงานตามทิศทางที่ระบุในยุทธศาสตร์จริง โดยเฉพาะด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร และการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลที่ช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจ
หากพรรค Bharatiya Janata Party (BJP) ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้รับเลือกตั้งกลับมาในช่วงเดือน เม.ย.2562 และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ก็คาดการณ์ได้ว่าอินเดียจะสามารถพัฒนาและเข้าใกล้ความเป็น New India ได้จริงตามกรอบเวลาที่กำหนด หรือมีการพัฒนาคืบหน้าอย่างชัดเจนภายในกรอบเวลาดังกล่าว
อินเดียใหม่ ส่งผลดีผลร้ายอย่างไรต่อประเทศไทย
(1) ไทยต้องเตรียมการรับมือด้านการเกษตร อินเดียตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตขึ้นเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลก ซึ่งไทยควรศึกษา ติดตาม และเตรียมการรับมือ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thaiindia.net/information/in-focus/item/3509-agriculture-export-policy_india.html)
(2) ไทยมีโอกาสในการมาลงทุนบริการด้านการท่องเที่ยวและการสาธารณสุข อินเดียยังคงขาดความเชี่ยวชาญในภาคบริการทั้งสองดังดล่าว ฉะนั้น การมีนโยบายมุ่งพัฒนาการให้บริการด้านการท่องเที่ยวและการสาธารณสุขของอินเดียอาจเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยได้ ทั้งนี้ ปัจจุบัน IHH Healthcare Berhad ซึ่งเป็นธุรกิจด้านสุขภาพของมาเลเซีย ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีอำนาจควบคุม (Controlling Shareholders) ใน Fortis Healthcare Limited ซึ่งเป็นธุรกิจโรงพยาบาลรายใหญ่ของอินเดียแล้ว นอกจากนั้น ฝ่ายอินเดียยังเคยเสนอให้ธุรกิจโรงแรมไทยเข้ามาพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวของอินเดียในหลายโอกาสอีกด้วย
(3) การพัฒนาภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (North Eastern Region – NER) ของอินเดีย หรือ อีสานอินเดีย อาจเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย อินเดียกำหนดให้ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอีสานอินเดีย (ประกอบด้วย 8 รัฐ โดยรัฐมณีปุระมีเขตแดนติดกับประเทศเมียนมาและเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางถนนสามฝ่ายไทย – อินเดีย – เมียนมา) และตั้งเป้าหมายจะเปิดเส้นทางการบินจากเมืองกูวาฮาติ รัฐอัสสัม ไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ประเมินว่า ในระยะยาวเมื่อโครงสร้างพื้นฐานภายในภูมิภาคดังกล่าวได้รับการพัฒนา อีสานอินเดียจะกลายเป็นตลาดการค้าชายแดนและพื้นที่ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจการบินของไทยจึงอาจพิจารณาติดตามและประเมินศักยภาพเส้นทางการบินดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนั้น ยังอาจพิจารณาประโยชน์ในด้านการค้าชายแดนผ่านถนนสามฝ่าย ไทย-อินเดีย-เมียนมา และโครงการความเชื่อมโยงอื่น ๆ เช่น Kaladan Multi-Modal Transit Transport Project การส่งเสริมความเชื่อมโยงในกรอบความร่วมมือ BIMSTEC และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับอินเดียโดยเฉพาะในด้านความเชื่อมโยง
(4) อินเดียจะเป็นประเทศที่เหมาะสมต่อการลงทุนมากขึ้น หากดำเนินตามยุทธศาสตร์ New India ได้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง อินเดียก็จะกลายเป็นประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่ และมีกำลังบริโภคของชนชั้นกลาง ชุมชนเมือง และประชาชนที่มีอายุเฉลี่ยต่ำมาก เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล มีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการทำธุรกิจ มีแรงงานฝีมือราคาต่ำ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีในราคาประหยัด และมีกระบวนการทางกฎหมายที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามสัญญาและคาดเดาได้ ซึ่งจะช่วยให้อินเดียมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
อินเดียกำลังเดินหน้าไปสู่ความเป็นอินเดียใหม่อย่างเป็นรูปธรรม คนไทยจึงควรมองอินเดียใหม่ และเห็นศักยภาพและโอกาสที่แท้จริงในประเทศแห่งอนาคตนี้ ก่อนที่จะถูกธุรกิจชาติอื่น ๆ แซงไปจนไทยตามไม่ทัน(จบ)
โดย...
เชษฐ์ธิดา กิตติ์ชัยวัชร์
เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี