ไทยเบฟฯ ให้ความสำคัญในการลดคาร์บอน ไม่หวังพึ่งคาร์บอนเครดิตแต่อย่างเดียว

ไทยเบฟฯ ให้ความสำคัญในการลดคาร์บอน ไม่หวังพึ่งคาร์บอนเครดิตแต่อย่างเดียว

องค์กรต่างๆ สามารถลดการปล่อยคาร์บอนและใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยได้ แต่สิ่งสำคัญคือการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในองค์กรโดยตรงเป็นอันดับแรก ไม่ใช่หวังพึ่งแต่ใช้คาร์บอนเครดิตแต่เพียงอย่างเดียว

ต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานความยั้งยืนและกลยุทธ์/ SUstain-บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business ช่วงสัมมนา "Carbon Market" Green Solution for All  จัดโดย 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า องค์กรสามารถลดการปล่อยคาร์บอนและใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยได้ แต่สิ่งสำคัญคือการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงเป็นอันดับแรก ในปัจจุบัน

หลายองค์กรประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 90% และใช้คาร์บอนเครดิตเพียง 10% ที่เหลือในการชดเชย อย่างไรก็ตาม คาร์บอนเครดิตมีบทบาทเพียงในการบรรเทาผลกระทบในปลายทางเท่านั้น การมุ่งเน้นที่การลดการปล่อยมลพิษจากต้นทางจึงยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

ตลาดคาร์บอนภายในประเทศมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยนอกจากจะช่วยสร้างกลไกในการลดการปล่อยมลพิษแล้ว ยังมีบทบาทในการระดมทุนเพื่อส่งเสริมการลงทุนในโครงการลดการปล่อยก๊าซ ทั้งนี้ การพัฒนาตลาดคาร์บอนให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลยังมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเปิดโอกาสในการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกับต่างประเทศและเสริมความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก

ไทยเบฟฯ ให้ความสำคัญในการลดคาร์บอน ไม่หวังพึ่งคาร์บอนเครดิตแต่อย่างเดียว

การลดก๊าซเรือนกระจกต้องให้ความสำคัญกับการเข้าถึงกลุ่มเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในกระบวนการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบคาร์บอนเครดิตยังเผชิญความท้าทายด้านต้นทุนที่สูง ทำให้การเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายมีข้อจำกัด หนึ่งในแนวทางที่สามารถช่วยลดต้นทุนได้คือการใช้ทรัพยากรในชุมชน เช่น การจัดการขยะและการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในท้องถิ่น

การลดการปล่อยคาร์บอนต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชนท้องถิ่น ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้าถึงกระบวนการผลิตและได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ การสร้างความร่วมมือในลักษณะนี้จะนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน และช่วยยกระดับมาตรฐานชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้นควบคู่ไปกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม