RBF ยอดขายในต่างประเทศจะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต
เราคาดว่าการเติบโตของกลุ่มวัตถุแต่งสีกลิ่นรสจะเร่งตัวขึ้นจากการขยายทีมขายในต่างประเทศ
เนื่องจากบริษัทเห็นโอกาสในประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย และจีน ส่วนตลาดในประเทศน่าจะขยายตัวได้ เช่นกัน ตามการฟื้นตัวของการบริโภค ในขณะที่ลูกค้าที่อยู่ปลายน้ำของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเริ่มออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม CBD นอกจากนี้ ส่วนผสมของอาหารสัตว์เลี้ยงยังเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโต เพราะ RBF กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (flavoring and palatants) เพื่อตอบสนองลูกค้ารายใหญ่ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ นอกจากนี้ RBF กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าอินเดีย โดยเน้นที่เครื่องสำอางที่สกัดจากกัญชง ซึ่งเราคาดว่าสินค้ากลุ่มนี้จะโตเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี
2566F และ 15% ในปี 2567F จาก 8% ในปี 2565
ยืนยันแผนสร้างโรงงานใหม่ในอินเดีย
RBS-TU ซึ่งเป็น JV ในประเทศอินเดียที่ RBF ถือหุ้น 51% เริ่มดำเนินธุรกิจใน 4Q65 และมีผลประกอบการเป็นบวก RBF คาดว่ายอดขายในอินเดียจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีต่อ ๆ ไป และมีแผนจะสร้างโรงงานใหม่ในอินเดียหนึ่งแห่ง โดยในเฟสแรกคาดว่าสายการผลิตแป้งชุบทอดจะเสร็จในปลายปีหน้า จากนั้นจะพัฒนาสายการผลิตวัตถุแต่งสีกลิ่นรสต่อไปในเฟสที่สอง ทั้งนี้ โรงงานในอินเดียจะส่งผลดีต่อ RBF ในเชิงของการประหยัดต้นทุน เพราะอินเดียเป็นแหล่งวัตถุดิบอย่างเช่น ข้าวสาลี และสมุนไพร ทั้งนี้ เราใช้สมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจาก JVs เข้ามาในประมาณการกำไรปี 2566F ของเรา 10 ล้านบาท และปี 2567F ที่ 15 ล้านบาท
ยังคงมองบวกกับแนวโน้มผลประกอบการปี 2566-2567F
ผู้บริหารตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2566F ไว้ที่ 15-20% ในขณะที่ตั้งเป้า GPM ที่ 36-37% และสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายที่ 18-19% ในขณะที่เราใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 25%GPM ที่ 36.7% และ SG&A ต่อยอดขายที่ 18.4% เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มผลประกอบการของ RBFแ ละยังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เอาไว้ที่ 737 ล้านบาท (+53% YoY) และปี 2567F ที่ 913 ล้านบาท (+24% YoY) เราคาดว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการขยายตลาดใหม่ ๆ จะช่วยหนุนการเติบโตของยอดขาย ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าขนส่งที่ลดลงจะช่วยหนุน margin ทั้งนี้ เราคาดว่าผลประกอบการใน 1Q66F จะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำถือ RBF โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 13.50 บาท อิงจาก PER ที่ 36.7x(adjusted PER เฉลี่ย +1 S.D.)
Risks
ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น, ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น, เศรษฐกิจถดถอย