วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (22 พ.ค. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐฯ หยุดชะงัก
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน
- ราคาน้ำมันดิบ ปรับลด หลังจากที่มีรายงานว่า การประชุมครั้งที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระหว่างทำเนียบขาวและสมาชิกสภาของพรรครีพับลิกัน เรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ยุติลงโดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ และไม่มีกำหนดการประชุมเพิ่มเติม ในขณะที่กระทรวงการคลังออกมาเตือนว่ารัฐบาลอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ภายใน 1 มิ.ย. นี้ และอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
- ตลาดยังคงกังวล หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อนั้นสูงกว่าเป้าหมายของเฟดมาก และยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบื้ย 0.25% ในการประชุมเดือน มิ.ย.
+ Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 พ.ค. ปรับลดลง 11 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 575 แท่น ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 64 ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติคงที่ระดับ 141 แท่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความกังวลอุปทานตึงตัวเนื่องจากเหตุการณ์โรงกลั่นไฟไหม้ที่เม็กซิโก อีกทั้งน้ำมันเบนซินคงคลังซาอุดิอาราเบียปรับลด 4.27% จากเดือนก่อนหน้า หลังอุปสงค์ในประเทศปรับตัวสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับลดลงแตะระดับ 7.47 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 11 สัปดาห์ นอกจากนี้ราคายังได้แรงหนุนจากการส่งออกที่ลดลงของจีนและการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น