“ชัย โสภณพนิช” หวังรัฐบาลใหม่ โปร่งใส ไม่ทุจริต พร้อมกางแผน BKI ปี 66 ดันกำไรโต
"ชัย โสภณพนิช” ย้ำรัฐบาลใหม่ต้องโปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน พร้อมเปิดแผน "กรุงเทพประกันภัย" ปี 2566 ลุยพัฒนาผลิตภัณฑ์ เสริมศักยภาพบริการ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าหมายมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโต 12.5% คาดกำไรแตะ 3,500 ล้านบาท
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า การเมืองในช่วงการเลือกตั้งมองว่าพรรคการเมืองไหนจะมาก็ไม่แตกต่างกัน เนื่องจากยังเป็นคนกลุ่มเดิม ขอเพียงทำให้เศรษฐกิจมีการเติบโต และบริหารงานด้วยความโปร่งใส สร้างความเจริญให้กับประเทศ ไม่ทุจริต และ ไม่คอร์รัปชัน ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ยากที่สุด
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจ ของกรุงเทพประกันภัย ปี 2566 บริษัทคาดจะมีกำไร 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะกลับไปเท่ากับปี 2563 ที่มีกำไร 3,200 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งมาจากการลงทุน ซึ่งปีนี้เตรียมเงินสดเอาไว้ 1,000 ล้านบาท
ในการลงทุนหุ้นบริษัทจะมุ่งไปที่หุ้นในกลุ่มธนาคาร เนื่องจากคาดว่าปีนี้หุ้นกลุ่มธนาคารจะมีกำไรเติบโตมากกว่าปีก่อน โดยเป็นผลจากดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้ ในบริษัทที่ทำธุรกิจหลอดไฟรถยนต์ กลุ่มอาหาร และ กลุ่มที่เน้นเรื่องผลตอบแทนเป็นหลัก โดยปีก่อนสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ 4-5%
"กลางปีนี้เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุน โดยบางส่วนจะเข้าไปซื้อหุ้นที่เราขายไปในปีก่อน เช่น BDMS BBL BLA ซึ่ง BDMS เราถือหุ้นมากกว่า 10% ขายได้ แต่ซื้อไม่ได้ ส่วน BBL และ BLA เราจะใช้เงิน 500 ล้านบาท เข้าไปซื้อหุ้นดังกล่าว โดยตอนนี้เราก็ซื้อไปแล้ว 70-80%
นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กรุงเทพประกันภัย กล่าวถึงแนวโน้มตลาดประกันวินาศภัยไทย ในปี 2566 ว่า ภาพรวมธุรกิจจะได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า ภายหลังผ่านวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกิจกรรมต่างๆ ทั่วโลกกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งธุรกิจประกันวินาศภัยจะได้รับประโยชน์จากยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตเป็นบวกต่อเนื่องเป็นปีที่สอง
ขณะที่การขยายตัวของประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว หลังจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 28 ล้านคน และ ชาวไทยที่เดินไปท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงยังมีนโยบายจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในอัตรา 150-300 บาทต่อคน ซึ่งคาดว่าค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งจะนำมาเป็นเบี้ยประกันภัยสุขภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้จากข้อมูลของสมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดว่า ธุรกิจประกันภัยในปี 2566 นี้จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมขยายตัว 4.5-5%
“ท่ามกลางปัจจัยที่ท้าทาย เช่น กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการยกเลิกผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย และ ราคาบ้านอยู่อาศัยที่ปรับเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อปริมาณเบี้ยประกันอัคคีภัย เช่นเดียวกับประกันภัยทางทะเล และขนส่ง ที่ได้รับผลกระทบจากการส่งของประเทศที่ลงตามสภาพของเศรษฐกิจโลก”
อย่างไรก็ตามในปี 2566 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโต 12.5% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประมาณ 13,096 ล้านบาท เติบโต 20% และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือ Non-Motor ประมาณ 16,904 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่าง และความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับการบริการ ได้แก่ การพัฒนาแผนกันประกันภัยรถยนต์ 2+ Super Special ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 7,300 ล้านบาท แผนประกันรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเห็นได้ชัดจากยอดจดทะเบียนในปี 2565 ที่ผ่านมา ที่มีจำนวนกว่า 9,729 คัน เพิ่มขึ้น 402.8%
โดยในส่วนของบริษัทได้มีการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า มียอดสะสมทั้งงานใหม่ และต่ออายุ ประมาณ 2,000 คัน คิดเป็นเบี้ยประกันภัยกว่า 100 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีเบี้ยประกันภัยรวมไม่ต่ำกว่า 120-140 ล้านบาท และมีแผนในการพัฒนาแบบประกันภัยที่ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งล่าสุดเตรียมเสนอแผนประกันภัยสุขภาพ+จิตเวช โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอขายได้ในช่วงกลางปีนี้
นอกจากนี้บริษัทมีแผนในการเพิ่มศักยภาพการบริการ ด้วยการยกระดับการบริการ เช่น ยกระดับอู่ซ่อมในสัญญาที่มีมากกว่า 580 แห่ง ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ปรับลดระยะเวลาการจ่ายค่าซ่อมอู่ในสัญญาภายใน 3 วันทำการ พัฒนาปรับปรุงระบบ Web Partner สำหรับตัวแทนเพื่อขยายช่องทางการประกันภัยไปสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย พร้อมขยายธุรกิจกับคู่ค้ารายใหม่ ยกระดับคุณภาพด้านสินไหม อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการมีเสถียรภาพ และความแข็งแกร่งทางการเงินโดยคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทเบี้ยประกันภัยรับรวมได้เกินเป้าหมายโดยเติบโต 8.8% หรือ คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 26,676.3 ล้านบาท และมีรายได้สุทธิจากการลงทุน 6,254.6 ล้านบาท แต่ด้วยภาระผูกพันในการจ่ายเครมสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด-19 ที่สิ้นสุดลงในช่วงไตรมาส 2 ส่งผลให้บริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 638.4 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์