โบรกแนะซื้อ‘หุ้นแบงก์’ดักปันผล ทยอยประกาศกลางเดือนนี้ -แนวโน้มจ่ายดีขึ้น
โบรกแนะลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ เตรียมทยอยประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลตั้งแต่กลางเดือนส.ค. บล.กสิกรไทยเชื่อแนวโน้มจ่ายดีขึ้น คาดปีนี้ดิวิเดนท์ยิลด์เฉลี่ย5% ชู KTB-BBL เสี่ยงต่ำตั้งสำรองเพิ่ม บล.หยวนต้าชี้หุ้นราคาต่ำ ได้ประโยชน์จัดตั้งรบ.ชัดเจน หนุนต่างชาติเข้าซื้อ
กลุ่มธนาคารพาณิชย์เตรียมที่จะประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2566 ตั้งแต่กลางสัปดาห์หน้า เป็นจุดเพิ่มความน่าสนใจลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ จากต้นเดือนนี้ส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง และปัจจุบันอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV)ต่ำกว่า 1 เท่า
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ เนื่องจากการจ่ายเงินปันผลยังมีแนวโน้มดีขึ้น ปัจจุบันค่าเฉลี่ยการจ่ายเงินปันผลของกลุ่มแบงก์ปี้นี้อยู่ที่ 5% จากกำไรของกลุ่มแบงก์ในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 18% และP/E ปัจจุบันอยู่ที่ 8 เท่า ถือว่าราคาหุ้นยังไม่ปรับตัวขึ้นมาก
รวมถึงกลุ่มแบงก์ ยังได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และหากจัดตั้งรัฐบาลได้และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน ส่งผลบวกต่อกลุ่มแบงก์ ขณะที่ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) แนวโน้มครึ่งหลังของปีนี้ยังดีต่อเนื่อง จากที่กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้แบงก์ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนการแข่งขันดอกเบี้ยเงินฝากยังไม่รุนแรง
สำหรับด้านคุณภาพสินทรัพย์ของแต่ละแบงก์ โดยภาพรวมยังคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ได้ดี ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ ก็ยังคงกระจุกตัวอยู่เฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีและเช่าซื้อเท่านั้น แต่กลุ่มแบงก์อาจยังมีความเสี่ยงในการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกหนี้เปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มเช่าซื้อรถมือสอง เอสเอ็มอี และรายย่อย บัตรเครดิตได้
ดังนั้น แนะนำว่า เลือกลงทุนหุ้นแบงก์ที่มีความเสี่ยงต่ำในการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่ม เช่น KTB ที่มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มภาครัฐ ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ยังมีการจ่ายเงินเดือนสม่ำเสมอ และ BBL สัดส่วนลูกค้ากว่า 70% เป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ มีฐานะการเงินดี และยังได้ประโยชน์ต่อเนื่องหากเศรษฐกิจฟื้นตัว จึงสามารถทยอยเข้าลงทุนสะสมก่อนช่วงที่กลุ่มแบงก์จะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนส.ค.นี้
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มธนาคารจะเริ่มประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 ตั้งแต่กลางเดือนส.ค. นี้ คาดจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของราคาหุ้นในช่วงที่มี
เริ่มมีพัฒนาการเชิงบวกในการจัดตั้งรัฐบาล คาดส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติมีโอกาสไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ซึ่งหุ้นกลุ่มแบงก์ก็จะได้ประโยชน์เป็นกลุ่มแรกๆ ที่นักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนอยู่แล้ว
"มองว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ในขณะนี้น่าสนใจลงทุน เพราะมีเงินปันผลรออยู่ และโดยปกติในเดือน ส.ค. จะเป็นเดือนที่หุ้นกลุ่มแบงก์จะ outperform เพราะมีแรงเก็งกำไรปันผลกลางปี แนะสะสมหุ้นแบงก์ที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ และได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาล ได้แก่ KBANK ,KKP และ SCB"
โดยฝ่ายวิจัยบล.หยวนต้า คาดการณ์กลุ่มแบงก์จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของปี 2566 ดังนี้ SCB จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.60 บาท คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผล (ดิวิเดนท์ยิลด์) 1.4% , KBANK จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 0.4% ,BBL จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.90 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 1.1% , TTB จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.02 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 1.2% และKKP จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 1.8%
ส่วนครึ่งปีหลังคาด SCB จ่ายปันผล 5.06 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 4.6% ,KBANK จ่ายปันผล3.5 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 2.9%, KTB จ่ายปันผล 0.81 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 4.1%,BBL จ่ายปันผล3.70 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์2.2%,TTB จ่ายปันผล 0.04 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์2.4%,TISCOจ่ายปันผล 8.08 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 8.2% ,KKP จ่ายปันผล 2.62 บาท คิดเป็นดิวิเดนท์ยิลด์ 4.7%