‘เนชั่น’ ลุยล้างขาดทุนสะสม - มั่นใจรายได้ปีนี้โต 20%
‘เนชั่น’ ปรับกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจ “คอนเทนต์ - รุกออนไลน์ - อีเวนต์” ดันรายได้ปีนี้โต 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.48 พันล้าน พร้อมเดินหน้าล้างขาดทุนสะสมที่มีเฉียด 3 พันล้าน แย้มพิจารณาหลายแนวทาง เชื่อผู้ถือหุ้นสนับสนุน
บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)หรือ NATION จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ซึ่งผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งกรรมการ แทนกรรมการที่พ้นตำแหน่งตามวาระประจำปี 2566 กลับเข้าดำรงตำแหน่งต่ออีกวาระหนึ่ง ได้แก่ นายมารุต อรรถไกวัลวที กรรมการ ,นายฉาย บุนนาค กรรมการ และนายอภิวุฒิ ทองคำ กรรมการอิสระ พร้อมอนุมัติวาระอื่นๆ ทุกวาระ
นายสมชาย มีเสน กรรมการ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)หรือ NATION เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ และการบริหารงานมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ทำให้ปีนี้มั่นใจว่ารายได้รวมจะเติบโต 20% จากปี 2565 ที่มีรายได้ 1,480 ล้านบาท เนื่องจากการปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ ทั้งในเรื่องการคอนเทนต์ ที่มุ่งเน้นแพลตฟอร์มออนไลน์ จากเทรนด์ที่ไปทางด้านวิดีโอมากขึ้น
ดังนั้นทุกสื่อในเครือที่มีจำนวน 10 สื่อนั้น จะเน้นทางด้านวิดีโอแพลตฟอร์ม ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงในปีนี้ก็จะรุกทางด้านการจัดงานอีเวนต์มากขึ้นทั้งสื่อในเครือจัดเอง จัดร่วมกับพันธมิตร ฯลฯ ทำให้คาดว่ารายได้ปีนี้จะเกิน 150 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 119 ล้านบาท
“รายได้ปีนี้ที่เติบโตมาจากสื่อหลักๆ ในเครือจะดีขึ้น เพราะเราจะทำการเชื่อมโยงกันระหว่างแพลตฟอร์มออฟไลน์ ออนไลน์ และออนกราวด์ เพื่อทำให้เกิดซินเนอร์ยี่ ในเรื่องของคอนเทนต์ และการขายมากขึ้น และบริษัทมุ่งเน้นเพิ่มรายได้ออนไลน์มากขึ้น โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนเกิน 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 36% ”
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาในการดำเนินธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้แก่ บริษัทมากขึ้น ซึ่งธุรกิจใหม่ที่สนใจนั้น ก็จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเริ่มไปบ้างแล้ว เช่น การจัดอบรมหลักสูตร Wealth of Wisdom : WoW ฯลฯ
นายสมชาย กล่าวว่า จากที่กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสะสม ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 2,976.55 ล้านบาท แบ่งเป็นผลขาดทุนสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการที่ 2,766.63 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางในการล้างขาดทุนสะสม ซึ่งมีหลายแนวทาง และจากที่ผลการดำเนินงานของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นั้น โดยปีล่าสุด 2565 บริษัทมีรายได้รวม 1,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% จากปี 2564 ที่มีรายได้ 801 ล้านบาท และมีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ จำนวน 381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 424% จากปี 2564 ที่ขาดทุนสุทธิ 118 ล้านบาท
รวมถึงการบริหารจัดการภาระหนี้ได้ดีขึ้น ทำให้บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย และต้นทุนทางการเงินปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปี 2560 ที่บริษัทมีหนี้สินรวม 3,050 ล้านบาท มีภาระดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 169 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ปี 2564 บริษัทมีหนี้สินลดลงอยู่ที่ 737 ล้านบาท มีภาระดอกเบี้ยจ่าย 43 ล้านบาทต่อปี และปี 2565 มีหนี้สิน 212 ล้านบาท มีภาระดอกเบี้ยจ่าย 33 ล้านบาทต่อปี และปัจจุบันมีภาระดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 14 ล้านบาท ต่อปี
ดังนั้นด้วยผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดีขึ้น เชื่อว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทจะให้การสนับสนุนแนวทางการล้างขาดทุนสะสม ซึ่งหากบริษัทสรุปแนวทางการล้างขาดทุนสะสมเสร็จ จะแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อพิจารณาต่อไป
“จากที่บริษัทมีขาดทุนสะสมที่สูงเกือบ 3,000 ล้านบาท ทางบอร์ดบริหารไม่ได้นิ่งนอนใจ และกังวลเรื่องนี้มาตลอดซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ทีมบริหารชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารงานก็พยายามหาแนวทางล้างขาดทุนสะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้น แต่ที่ผ่านมายังทำไม่ได้ เพราะผลดำเนินงานไม่ดี แต่ปัจจุบันทิศทางผลดำเนินงานดีขึ้น ก็สามารถไปขอให้ผู้ถือหุ้นสนับสนุนการล้างขาดทุนสะสมได้ ”
นอกจากนี้มีนักลงทุนที่สนใจเข้ามาถือหุ้นของบริษัท จากผลการดำเนินงานของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์