‘ซีพีเอฟ’ เสนอขายหุ้นกู้ ชูดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.55% ต่อปี
CPF เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ในระหว่างวันที่ 28-30 พ.ย. และ 1 ธ.ค.2566 โดยอัตราดอกเบี้ยช่วง 5 ปีแรกอยู่ที่ 5.55% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ “A+” และอันดับความน่าเชื่อหุ้นกู้ที่ “A-” จัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (หุ้นกู้ด้อยสิทธิ) ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ในระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน และ 1 ธันวาคม 2566 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 11 แห่ง
โดยบริษัท กำหนดอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ในช่วง 5 ปีแรกที่ 5.55% ต่อปี จากนั้นจะปรับอัตราดอกเบี้ยทุกๆ 5 ปี โดยอ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ณ ขณะนั้น บวกด้วยอัตราดอกเบี้ยส่วนเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ของซีพีเอฟ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A- และอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ A+ แนวโน้ม Negative จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัท ในฐานะผู้ผลิตด้านเกษตรอุตสาหกรรม และอาหารครบวงจรที่มีฐานการผลิตใน 17 ประเทศทั่วโลก และเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารไปกว่า 40 ประเทศ ครอบคลุม 5 ทวีปทั่วโลก
ปัจจุบันซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจหลักจำแนกเป็น 3 ประเภท คือ
1.ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed)
2.ธุรกิจเลี้ยงสัตว์และแปรรูป (Farm and Processing) และ
3.ธุรกิจอาหาร (Food)
ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น “ครัวของโลก” ซีพีเอฟจึงได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ที่ทันสมัย สนับสนุนการผลิต และการแปรรูปเนื้อสัตว์อย่างมีคุณภาพ ขยายการผลิตอาหารพร้อมรับประทานเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ รวมไปถึงการคิดค้นนวัตกรรมด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งระบบการผลิตที่ปลอดภัย มีสินค้าที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจและพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้
เช่น หมูชีวา ที่มีไขมันดี และมีโอเมก้า 3 สูง ไก่เบญจาที่เลี้ยงด้วยข้าวกล้องคัดพิเศษเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพ และอาหารประเภทโปรตีนทางเลือก (Plant Based Food) และยังให้ความสำคัญในการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างเหมาะสมด้วยความใส่ใจในผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
ขณะที่ด้านสถาบันการเงินในฐานะผู้จัดการ การจัดจำหน่าย มั่นใจว่า หุ้นกู้ด้อยสิทธิ “ซีพีเอฟ” จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไป ซึ่งนอกจากเรื่องของอัตราผลตอบแทนที่เป็นปัจจัยในการพิจารณาแล้ว หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ของ “ซีพีเอฟ” ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ โดยเฉพาะศักยภาพของบริษัท ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารในระดับสากล และการบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล
โดยที่ผ่านมา “ซีพีเอฟ” ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน และได้รับการบันทึกในรายงาน The Sustainability Yearbook 2023 ของ S&P Global ซึ่งเป็นรายงานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยสามารถรักษาตำแหน่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล (ESG) ได้เป็นอย่างดี
สถาบันการเงินในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายกล่าวเสริมว่า “ในส่วนของลักษณะของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ที่มีคำว่า “ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท” ถึงแม้จะมีความหมายว่าบริษัทจะคืนเงินต้นก็ต่อเมื่อบริษัทเลิกกิจการ อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด เมื่อหุ้นกู้นี้มีอายุครบ 5 ปีแล้ว หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขของการนับเป็นส่วนของทุน การคิดภาษี หรือการลงบัญชี บริษัทก็สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้นี้ก่อนครบกำหนดได้ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ซีพีเอฟได้ไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ก่อนครบกำหนดไปเมื่อเดือนมีนาคมปี 2565 เมื่ออายุครบ 5 ปี”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์