ดาวโจนส์พลิกดีดบวก 133 จุด ซื้อขายผันผวน ก่อนเฟดประชุมนัดแรกของปี 67
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(30 ม.ค.)พลิกดีดตัวขึ้น 133 จุด หลังร่วงลงในช่วงแรก ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งแรกของปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 133.86 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 38,467.31 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 2.96 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 4,924.97 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 118.14 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 15,509.90 จุด
หุ้นของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้นเกือบ 10% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นกว่า 1% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาส 4/2566 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าบริษัทจะประสบภาวะขาดทุนในไตรมาสดังกล่าว ท่ามกลางรายได้ที่ลดลงจากการจำหน่ายยาและวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19
นายทอม ลี นักวิเคราะห์จาก Fundstrat Global Advisors กล่าวว่า สัปดาห์นี้มีความสำคัญต่อการพุ่งขึ้นต่อไปของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
นายลีกล่าวว่า สัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีการเปิดเผยผลประกอบการของ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ รวมทั้งมีการประชุมนโยบายการเงินของเฟด จะบ่งชี้ทิศทางการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นในระยะต่อไป
"ก่อนหน้านี้เราคาดว่าตลาดจะทำนิวไฮในปลายเดือนนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด และผมคิดว่าสัปดาห์นี้จะบอกเราว่าตลาดจะไปต่อได้ไกลแค่ไหน" นายลีกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทไมโครซอฟท์และอัลฟาเบทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากปิดตลาดวันนี้ ขณะที่แอปเปิ้ล อะเมซอน และเมตา แพลตฟอร์มส์จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินเป็นครั้งแรกของปีนี้ โดยเริ่มต้นการประชุมในคืนนี้ และจะมีการประกาศผลการประชุมในคืนถัดไป ขณะที่นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้
ตลาดให้ความสำคัญต่อถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังเสร็จสิ้นการประชุม เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ และมีโอกาสเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.มากกว่าเดือนพ.ค.