‘ฮีทสโตรก’ ปีนี้ คร่าไป 61 ราย อีสาน ตายเยอะสุด 33 คน เช็กอาการ และวิธีปฐมพยาบาล

‘ฮีทสโตรก’ ปีนี้ คร่าไป 61 ราย อีสาน ตายเยอะสุด 33 คน เช็กอาการ และวิธีปฐมพยาบาล

กรมควบคุมโรค เปิดตัวผู้เสียชีวิตจาก “โรคลมร้อน” หรือ "ฮีทสโตรก" ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ 2567 มีผู้เสียชีวิต 61 ราย ภาคอีสาน มีคนตายเยอะสุด 33 คน แนะนำประชาชนสังเกตอาการกลุ่มเสี่ยง และศึกษาข้อควรรู้ วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อเกิดอาการ

กรมควบคุมโรค เปิดตัวผู้เสียชีวิตจาก “โรคลมร้อน” หรือ "ฮีทสโตรก" ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ 2567 โดย นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า 

แม้ช่วงนี้หลายพื้นที่ในประเทศไทย เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว แต่ในหลายพื้นที่ของประเทศยังคงมีอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้ยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด โรคลมร้อน หรือฮีทสโตรก เนื่องจากโรคนี้เกิดจากภาวะที่ร่างกายร้อนจัดเกิน 40 องศาเซลเซียส จนส่งผลกระทบต่ออวัยวะและระบบต่างๆ ภายในร่างกาย เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน

จากข้อมูลกองระบาดวิทยา ปี 2567 มีรายงานผู้เสียชีวิต 61 ราย มีภาคอีสานมีคนตายเยอะ 33 คน รองลงมาภาคกลางและภาคตะวันตก 13 คน และภาคเหนือ 10 คน ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อายุอยู่ในช่วงวัยทำงานและสูงอายุ เพศชายมากกว่าเพศหญิง ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง และเกษตรกรรม

‘ฮีทสโตรก’ ปีนี้ คร่าไป 61 ราย อีสาน ตายเยอะสุด 33 คน เช็กอาการ และวิธีปฐมพยาบาล

กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง “โรคลมร้อน” หรือ "ฮีทสโตรก"

โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิต จาก โรคลมร้อน หรือ ฮีทสโตรก คือ

  • ร้อยละ 49.2 มีโรคประจำตัว
  • ร้อยละ 62.1 ดื่มสุราเป็นประจำ
  • ร้อยละ 27.6 ทำงานกลางแจ้ง

กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนอ้วน และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ตลอดจนผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นักกีฬา คนงานก่อสร้าง เกษตรกร หรือทหารที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน

‘ฮีทสโตรก’ ปีนี้ คร่าไป 61 ราย อีสาน ตายเยอะสุด 33 คน เช็กอาการ และวิธีปฐมพยาบาล

อาการของผู้ป่วย “โรคลมร้อน” หรือ "ฮีทสโตรก"

นพ.อภิชาต กล่าวว่า หากพบเห็นผู้ป่วยที่มี อาการตัวร้อนจัดแต่ไม่มีเหงื่อ ผิวหนังแดง หัวใจเต้นเร็วและแรง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน พูดจาไม่รู้เรื่อง เป็นลม หมดสติ ให้สงสัยเบื้องต้นว่าเป็นฮีทสโตรก

 

การปฐมพยาบามเบื้องต้น “โรคลมร้อน” หรือ "ฮีทสโตรก"

ต้องทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงให้เร็วที่สุดก่อนนำส่งโรงพยาบาล เช่น ย้ายผู้ป่วยมาในที่ร่ม จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหงาย ยกขาสูง ถอดเสื้อผ้า แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ และใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน หากผู้ป่วยยังรู้สึกตัวอยู่ให้ดื่มน้ำ/น้ำเกลือแร่ เพื่อชดเชยภาวะการขาดน้ำ จากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

‘ฮีทสโตรก’ ปีนี้ คร่าไป 61 ราย อีสาน ตายเยอะสุด 33 คน เช็กอาการ และวิธีปฐมพยาบาล

การป้องกัน “โรคลมร้อน” หรือ "ฮีทสโตรก"

นพ.อภิชาต คำแนะนำสำหรับการป้องกันฮีทสโตรกด้วยตัวเอง ดังนี้ 

  • ลดหรือเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่มีอากาศร้อนที่สุดของวัน โดยเฉพาะช่วงเวลา 11.00-15.00 น.จะมีอากาศร้อนที่สุด 
  • ดื่มน้ำเปล่าในระหว่างวันอย่างน้อย 2-4 แก้ว/ชั่วโมง โดยไม่ต้องรอกระหายน้ำ หากสูญเสียเหงื่อมากควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเกลือแร่ 
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีมีสีอ่อน หลวม น้ำหนักเบา  ส่วนผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ควรเข้ามาพักในที่ร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเป็นระยะ
  • ห้ามทิ้งใครไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแดด โดยเฉพาะเด็กเล็ก รถที่จอดตากแดดโดยไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ อาจมีอุณหภูมิสูงขึ้นได้เร็วมากภายใน 10-20 นาที และสังเกตอาการตนเอง

หากมีอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ คลื่นไส้ หายใจเร็วให้รีบแจ้งบุคคลใกล้ชิด พาเข้าไปพักในที่เย็น มีอากาศถ่ายเทสะดวก หากมีอาการรุนแรง หรือหมดสติควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

 

‘ฮีทสโตรก’ ปีนี้ คร่าไป 61 ราย อีสาน ตายเยอะสุด 33 คน เช็กอาการ และวิธีปฐมพยาบาล

 

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422