เทรนด์ Mouse Shuffle พนักงาน WFH เข้า ‘ออนไลน์’ ระบบตลอดเวลา กลัวโดนว่าอู้งาน

เทรนด์ Mouse Shuffle พนักงาน WFH เข้า ‘ออนไลน์’ ระบบตลอดเวลา กลัวโดนว่าอู้งาน

ทำงานจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่พนักงาน Work from Home ใช้วิธีขยับเมาส์เพื่อให้ระบบขึ้นสถานะ ‘ออนไลน์’ บนหน้าจอคอมฯ ตลอดเวลา แม้งานเสร็จแล้วก็ไม่กล้าออฟไลน์ กลัวถูกระบบตรวจสอบว่าขี้เกียจ-อู้งาน

KEY

POINTS

  • เทรนด์ ‘Mouse Shuffle’ พบบ่อยในกลุ่มพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริด ทำงานระยะไกล หรือ Work From Home เนื่องจากบางบริษัทใช้ซอฟต์แวร์ตรวจสอบการทำงานของพนักงานกลุ่มนี้ตลอดเวลา 
  • พนักงานหาวิธีเอาตัวรอดด้วยการขยับเมาส์ให้ระบบโชว์สถานะออนไลน์อยู่ตลอดเวลา แม้งานเสร็จแล้ว ก็ไม่กล้าออฟไลน์ กลัวโดนระบบตรวจสอบว่าขี้เกียจ
  • ผู้เชี่ยวชาญ ชี้สิ่งนี้เป็นพฤติกรรมที่จดจ่ออยู่กับความกังวลมากเกินไป ซึ่งไม่จำเป็น ยิ่งกังวลเกี่ยวกับการตรวจสอบก็ยิ่งทำให้ประสิทธิผลลดลง

มาใหม่อีก! ล่าสุดเกิดเทรนด์ทำงานที่เรียกว่า ‘Mouse Shuffle’ หรือการขยับเมาส์ให้โชว์สถานะ ‘ออนไลน์’ ในระบบปฏิบัติงานของออฟฟิศตลอดเวลา พบบ่อยในกลุ่มพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริด ทำงานระยะไกล หรือ Work From Home เนื่องจากบางบริษัทใช้ซอฟต์แวร์ตรวจสอบการทำงานของพนักงานกลุ่มนี้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานอู้งาน หรือขาดประสิทธิภาพการทำงาน

ขณะเดียวกัน ฝั่งพนักงานก็หาวิธีเอาตัวรอดจากการตรวจสอบนั้น ด้วยการขยับเมาส์ให้ระบบปฏิบัติงานแอคทีฟและโชว์สถานะออนไลน์อยู่ตลอดเวลา ส่งสัญญาณขึ้นหน้าจอว่าพวกเขากำลังทำงานอยู่นะ ไม่กล้าออฟไลน์ออกจากระบบ แม้บางครั้งพวกเขาจะทำงานเสร็จแล้ว หรือตอนนั้นไม่ได้ทำงานอยู่จริงๆ ก็ตาม

43% ของพนักงานที่ทำงานระยะไกล ชี้ว่า การทำงานของตนถูกตรวจสอบมากขึ้น

สำนักข่าว Forbes รายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวพบเห็นได้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในบริษัทที่ให้พนักงานทำงานจากระยะไกลหรือทำงานแบบไฮบริดได้ แต่ก็มีการใช้ซอฟต์แวร์เฝ้าติดตามพนักงานอยู่ตลอด เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท แต่ในอีกแง่หนึ่งกลับพบว่า การตรวจสอบที่เข้มงวดนั้นทำให้พนักงานรู้สึกกดดันที่จะต้องแอคทีฟอยู่ตลอดเวลาโดยไม่พัก 

การศึกษาล่าสุดจาก BambooHR  รายงานว่า 79% ของพนักงานกลุ่มตัวอย่างบอกว่า พวกเขารู้สึกกดดันที่จะต้องแอคทีฟในระบบปฏิบัติงานของบริษัท (ขึ้น Status ออนไลน์) อยู่ตลอดเวลา เพื่อแสดงให้บริษัทเห็นว่าพวกเขากำลังทำงานอยู่ ไม่ได้อู้งาน ซึ่งในความเป็นจริง.. ไม่มีใครจะสามารถทำงานได้ทั้งวันทั้งคืนขนาดนั้น แต่ก็ไม่กล้าออฟไลน์ออกจากระบบ เพราะกลัวถูกมองว่าขี้เกียจหรือไม่มีประสิทธิภาพ พวกเขาจึงหาทางออกด้วยการขยับเมาส์ให้ระบบออนไลน์ไว้เสมอ เพื่อแสร้งเป็นว่ากำลังทำงานอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะกี่โมงก็ตาม

ในทำนองเดียวกัน ผลสำรวจล่าสุดจาก Forbes Advisor ก็รายงานว่า 43% ของพนักงานระบุว่า ในปี 2024 การทำงานออนไลน์ของตนถูกตรวจสอบมากขึ้น และ 25% ของพนักงานเหล่านั้นยอมรับว่า แสร้งทำเป็นออนไลน์ในขณะที่ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การทำงาน ในทางกลับกัน พนักงานที่ทำงานออนไลน์มีแนวโน้มที่จะ “มีความสุขกับงาน” ของตนมากขึ้น 12% เนื่องจากพวกเขารู้สึกมีอิสระและมีอำนาจตัดสินใจในสภาพแวดล้อมการทำงานของตนเอง

การแสดงตัวว่า 'ออนไลน์' ในระบบตลอดเวลา ไม่จำเป็น แถมยังเพิ่มความเครียดและกดดันสูง

ด้าน เดวิด แคมป์เบลล์ (David Campbell) ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์และการสรรหาทรัพยากรบุคคลของ Brand Rebellion บริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับบุคลากรและการสร้างแบรนด์ให้องค์กร ให้ความเห็นเชิงวิเคราะห์ต่อเรื่องนี้ว่า สาเหตุที่ทำให้กระแสการทำงานแบบ Mouse Shuffle มาแรงในกลุ่มพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลหรือทำงานแบบไฮบริด ก็เนื่องจากว่า พนักงานที่ทำงานระยะไกลผ่านออนไลน์ เกิดความเครียดและความกดดัน จากการที่บริษัทเฝ้าติดตามการทำงานของพวกเขาอย่างเข้มข้น 

จนพวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องแสดงให้ระบบเห็นว่า ตนเองทำงานยุ่งด้วยการออนไลน์ตลอดเวลา นำไปสู่การให้ความสำคัญกับการมีตัวตนบนระบบงานออนไลน์มากเกินไป แม้ว่าจะไม่จำเป็นก็ตาม พฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น และทำให้ประสิทธิภาพในงานลดลง เพราะมัวแต่กังวลเรื่องการตรวจสอบของบริษัท แทนที่จะจดจ่ออยู่กับการทำงานจริงๆ 

แคมป์เบลล์ บอกอีกว่า ซอฟต์แวร์ที่บริษัทนำใช้ตรวจสอบว่าพนักงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือไม่นั้น อาจเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดเทรนด์ Mouse Shuffle ซอฟต์แวร์ดังกล่าวให้ความสำคัญกับการจับผิดสถานะออนไลน์-ออฟไลน์ บนหน้าจอคอมฯ มากกว่าที่จะตรวจสอบผลงานจากการทำงานจริงๆ 

“ปรากฏการณ์นี้บ่งบอกว่า บริษัทต่างๆ ไม่ไว้วางใจพนักงานอย่างเต็มที่ และอาจไม่เข้าใจว่าประสิทธิภาพการทำงานที่แท้จริงเป็นอย่างไรในการทำงานยุคใหม่ อีกทั้งพฤติกรรม Mouse Shuffle ของพนักงานนั้น ไม่ดีต่อสุขภาพจิต มันจะลดความพึงพอใจในงาน เนื่องจากยิ่งพยายามให้ดูเหมือนงานยุ่งเพื่อเอาตัวรอด ก็ยิ่งทำให้พนักงานรู้สึกเครียดจากการถูกจับตามองมากเกินไป” แคมป์เบลล์ อธิบาย

ผู้เชี่ยวชาญ แนะ บริษัทควรมุ่งเน้นไปที่ผลงานของพนักงาน มากกว่าระยะเวลาที่ออนไลน์

หากปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ บริษัทควรเร่งหาทางออกของปัญหานี้ โดยแคมป์เบลล์ ให้คำแนะนำแก่บริษัทต่างๆ ว่า บริษัทควรตรวจสอบการทำงานของพนักงาน ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ผลงานของพวกเขา ไม่ใช่ปริมาณงานที่พวกเขาทำ หรือระยะเวลาที่พวกเขาออนไลน์ในระบบ 

“บริษัทควรไว้วางใจให้พนักงานบริหารเวลาการทำงานได้เอง และมุ่งเน้นไปที่การบรรลุเป้าหมายของงาน ไม่ใช่แค่ออนไลน์ตลอดเวลา ผลลัพธ์ที่จะได้คือ ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น และพนักงานที่มีความสุขมากขึ้น” เขากล่าวเสริม

แคมป์เบลล์มองว่า มีความจำเป็นที่บริษัทควรเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ควรหันมาให้ความสำคัญกับผลงานและผลลัพธ์ของงาน มากกว่าการอยากเห็นว่าพนักงานออนไลน์ในระบบเพียงอย่างเดียว นายจ้างควรเน้นที่การสร้างวัฒนธรรมที่ยึดหลักความไว้วางใจ โดยวัดผลการปฏิบัติงานด้วยความสำเร็จ สิ่งนี้จะส่งเสริมให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพดี มีประสิทธิผล และมีส่วนร่วมในงานได้ดีขึ้น

ท้ายที่สุดแคมป์เบลล์เน้นย้ำว่า เมื่อบริษัทเริ่มไว้วางใจพนักงานมากขึ้นและมุ่งเน้นไปที่ผลงานที่พนักงานทำได้ ก็จะทำให้พนักงานที่มีสุขภาพจิตที่ดี มีผลิตผลมากขึ้น และยังช่วยให้พฤติกรรม Mouse Shuffle มีแนวโน้มลดลงและหายไปในที่สุด