พวกเราคือนกฟินิกซ์! รู้จัก “BNK48 รุ่น 4” ความหวังที่ไม่มีวันตายของไอดอลไทย
รู้จัก “BNK48 รุ่น 4” ผ่าน 6 เมมเบอร์เลือดใหม่ที่พวกเธอประกาศกร้าวว่า “พวกเราคือนกฟินิกซ์!” ที่จะทำให้ BNK48 ไม่มีวันตาย
จากการเปลี่ยนแปลงเมมเบอร์แทบจะยกทั้งรุ่นของวง BNK48 ที่หลายคนมองว่าเกือบจะปิดตำนานไปพร้อมๆ กับการจบการศึกษาของรุ่นหนึ่ง แต่ถ้าใครติดตามวงนี้จริงๆ จะรู้ดีว่าความหวังและความฝันของเด็กสาวยังคงเปล่งประกายเสมอ และความสำเร็จได้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งล่าสุด BNK48 เติบโตมาจนถึงรุ่นที่4 แล้ว
ท่ามกลางกระแสของวงการไอดอลที่มีขึ้นมีลง ความท้าทายของวงไอดอลเบอร์ต้นของไทยอย่าง BNK48 มีมากขึ้นตามไปด้วย การที่รุ่นพี่สร้างเพดานความสำเร็จเอาไว้ นัยหนึ่งคือการกรุยทางให้พวกเธอก้าวเดินตามอย่างไม่ต้องหลงทิศหลงทาง แต่อีกนับหนึ่งนี่คือแรงกดดันของเด็กๆ BNK48 รุ่น 4 ที่นอกจากจะต้องทำให้ BNK48 ยังอยู่ ยังต้องทำให้ดีไม่แพ้รุ่นพี่ด้วย
บนถนนสายไอดอล
เนเน่ BNK48 คือคนหนึ่งที่เคยมาลองเดินตามฝันนี้แล้ว แต่คราวนั้นพลาดหวังไป มาคราวนี้ที่โอกาสมาถึงและเธอคว้ามาได้
“หนูเคยมาออดิชั่น BNK48 รุ่น 2 เพราะเพื่อนๆ ที่โรงเรียนชอบ BNK48 เพราะว่าเพลงคุกกี้เสี่ยงทายดังมาก แต่ก็ไม่ได้ติด หลังจากนั้นก็เดินสายประกวดมาตลอด จนมาถึงรับสมัครรุ่น 4 ก็มาออดิชั่นอีกรอบจนติดได้เป็น BNK48 ค่ะ
ที่อยากเป็น BNK48 เพราะที่นี่คือที่แรกที่เปิดประสบการณ์ออดิชั่น ก็เลยมาอีกรอบ และเป็นปีสุดท้ายแล้วที่หนูจะมาออดิชั่นได้เพราะอายุจะเกินแล้ว ก็เลยมาลองดูค่ะ ซึ่งหนูไม่คาดหวังเลย เพราะตอนมาไม่มีคนอายุเท่าหนูหรือเยอะกว่าหนูเลย ทุกคนจะมีอายุประมาณน้องๆ หมดเลย ก็เลยปลง (หัวเราะ)”
สำหรับ ปาล์มมี่ BNK48 วง BNK48 คือความหลงใหลที่มาก่อนหน้า และมันแปรเปลี่ยนเป็นความฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้มาเป็นหนึ่งในเมมเบอร์ของวงไอดอลอันดับหนึ่งให้ได้
“หนูชอบ BNK48 มาตั้งนานแล้ว จะมีช่วงประมาณ ม.ปลาย ซึ่งหนูเป็นเด็กสายวิทย์ แต่ตอนอยู่โรงเรียนหนูชอบทำกิจกรรมหมดเลย ก็เป็นเด็กเรียน แต่ก็ชอบทำกิจกรรมควบคู่กันด้วย แล้วพอตอนจะจบ ม.6 ก็ต้องตัดสินใจว่าจะเข้าคณะอะไร ตั้งแต่เด็กก็คิดว่าจะต้องเข้าคณะทางสายวิทย์เหมือนกับที่เรียนมา แต่พออยู่ ม.6 เป็นช่วงที่เรียนออนไลน์ด้วย ตอนทำพอร์ตก็นึกถึงสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เรามีความสุข ก็น่าจะเป็นตอนกิจกรรมมากที่สุด ก็เลยคิดว่าน่าจะไปทางนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์
ช่วงที่หนูกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบก็เป็นช่วงที่ปล่อยเพลง First Rabbit มาพอดี พอหนูฟังแล้วมันปลุกใจหนูมาก ก็เลยอยากทำให้ได้บ้าง อีกอย่างคือรุ่นพี่รุ่นที่ 3 มีคนที่อายุประมาณเดียวกับหนูพอดี แล้วหนูก็อยากเป็นไอดอล อยากทำอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก พี่เขาทำได้หนูก็ต้องทำได้เหมือนกัน ก็เลยมาออดิชั่นรุ่น 4
สิ่งที่ทำให้หนูอยากมาเป็น BNK48 เพราะหนูเห็นวงมาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นไอดอลเบอร์ต้นของไทย หนูรู้สึกว่าน่าจะเข้ากับหนูด้วยเพราะรุ่นพี่หลายคนก็ไม่ได้มีพื้นฐานการร้องการเต้นเหมือนกับหนู แล้วพอได้มาอยู่ในวง ได้มาฝึกฝน แล้ววันหนึ่งเขาก็เปล่งประกายมากๆ การได้มาอยู่ BNK48 เหมือนกับได้มาอยู่ในโรงเรียน ได้มาฝึกไปพร้อมๆ กับเพื่อน”
ด้าน เบอร์รี่ BNK48 คือหนึ่งในแฟนคลับของ BNK48 ที่อยากเห็นตัวเองอยู่บนเวทีบ้าง แบบเดียวกับที่รุ่นพี่เป็น
“หนูเป็นแฟนคลับวงนี้ รุ่นพี่เป็นแรงบันดาลใจให้หนูอยากพัฒนาตัวเอง เป็นแรงบันดาลใจให้หนูเป็นตัวเองที่ดีขึ้น ก็เลยอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอื่นอยากพัฒนาตัวเองบ้าง ก็เลยอยากเป็นสมาชิกวง BNK48 ค่ะ ก็เลยได้มาออดิชั่นวงในรุ่นที่ 3 แต่ตอนนั้นก็ไม่ติดสักรอบ แล้วก็มาในรุ่น 4 แล้วออดิชั่นติด
ที่หนูอยากเป็น BNK48 เพราะเป็นวงที่ถูกจริตเรามากๆ เป็นวงไอดอลที่มีความเป็นไอดอลจริงๆ มีจุดเด่นที่วงอื่นไม่มี และเราอาจจะไม่ได้รับประสบการณ์นี้ถ้าไม่ได้อยู่วง BNK48 ค่ะ”
มารีน BNK48 เป็นอีกหนึ่งคนที่เคยมาออดิชั่นแต่ผิดหวังไป หลังจากนั้นจึงสู้ต่อด้วยการกลับมาออดิชั่นอีกครั้งจนได้โอกาสนี้ไป
“ตอนเด็กๆ อยากเป็นไอดอลค่ะ เคยสมัครรุ่น 3 ไปถึงรอบสุดท้ายแต่ไม่ผ่าน เสร็จแล้วก็เลยลองอยู่วงอื่นบ้าง แต่พอมีรุ่น 4 ก็เลยมาสมัคร แล้วก็ผ่านจนได้มาเป็นสมาชิกตอนนี้ค่ะ
เหตุผลที่อยากเป็น BNK48 เพราะเคยเห็นรุ่นพี่ที่ผ่านมา และได้ฟังเพลง Shonichi แล้วน้ำตาจะไหล เนื้อเพลงความหมายมันดีมาก พอได้มาดูรุ่นพี่จริงๆ มันได้กำลังใจจริงๆ ดูแล้วอยากเป็นแบบพี่ๆ เขาบ้าง”
เส้นทางของหลายคนอาจมุ่งมั่นและมีเป้าหมายมาที่วง BNK48 แต่สำหรับ แพท BNK48 เธอบอกว่าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาที่ชอบร้อง ชอบเต้น ชอบแสดง แต่มีจุดเปลี่ยนที่ทำให้อยากมาเป็นเมมเบอร์ BNK48 เพราะเคยได้ร่วมงานกับอดีตเมมเบอร์รุ่น 1
“หนูเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบร้องชอบเต้นชอบแสดง แต่ก่อนเคยได้มีโอกาสเต้นกับพี่น้ำหนึ่ง พอได้เต้นกับพี่เขาก็รู้สึกว่าพี่เขาทำให้หนูอยากเป็นไอดอล อยากเป็นศิลปิน ก็เลยลองแคสพวกซีรีส์ หนัง โฆษณาอยู่บ้าง แต่พอมีออดิชั่น BNK48 ก็เลยมาลองดีกว่า แล้วก็ได้ติด
ด้วยความหนูเห็น BNK48 มาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน เป็นวงแรกที่ทำให้รู้จักวงการไอดอล ก็เลยรู้สึกว่าชอบเพอร์ฟอร์มานซ์ของ BNK48 มาก อย่างเวลาทุกคนดู BNK48 แล้วจะยิ้มตาม ก็เลยอยากมาเป็นส่วนหนึ่งค่ะ”
และมาถึงหนึ่งในน้องเล็กของรุ่นอย่าง ซินดี้ BNK48 ถึงอายุจะน้อยมากๆ แต่ด้วยความชอบและมีความฝัน จึงทำให้เด็กคนนี้มาลองตามฝันนี้
“หนูก็เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน ก็มีประกวดบ้างเพราะเรียนเต้น เลยได้ไปแข่งไปประกวด ชอบร้องเพลง ชอบเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ หนูมีความฝันว่าอยากเป็นศิลปินไอดอลค่ะ ก็เลยตัดสินใจมาสมัครรุ่นที่ 4
ตอนที่มาสมัครหนูไม่ได้คาดหวังอะไรเลยค่ะ เพราะเป็นที่แรกที่หนูออดิชั่น ถ้าไม่ติดก็ไม่เป็นไรเพราะอายุยังน้อย”
จากเด็กธรรมดาสู่บทบาทไอดอล
ต้องยอมรับว่าตลอดหลายปีมานี้ BNK48 ได้เป็นเป้าหมายของเด็กผู้หญิงมากมายที่อยากมีพื้นที่ทั้งในฐานะไอดอลและวงการบันเทิง แต่การฝ่าด่านจนได้มาเป็น BNK48 นั้นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเด็กธรรมดาต้องพลิกชีวิตแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
เนเน่ BNK48 บอกว่าถ้ามองด้วยมุมมองของคนนอกอาจคิดว่าBNK48 แค่นักร้องนักเต้นที่ขึ้นไปแสดงบนเวที แท้จริงแล้วกว่าจะถึงจุดนั้นได้คือด่านหิน
“หลายคนมองว่าพวกเราก็แค่เต้นให้คนดู ก็สบายๆ ร้องเต้น ร้องเต้น แต่จริงๆ พวกเราทำงานหนักกันมากๆ เลย เพราะเพลงในวงมีอยู่ร้อยกว่าเพลง เราก็ต้องฝึกให้ครบ ไม่ใช่คนหนึ่งจะเต้นแค่บล็อกกิ้งเดียว เราต้องจำให้ครบทุกตำแหน่ง”
สำหรับ แพท BNK48 มองคล้ายกัน คือ คนนอกอาจคิดว่าทุกอย่างที่พวกเธอทำนั้นดูง่าย แต่ถ้าดูให้ดี ท่าเต้นเหล่านี้ถ้าจะเต้นให้สวยนั้นยากมาก
“สำหรับหนูที่ชอบเต้นมารู้สึกว่ามันยากมากค่ะ ท่าค่อนข้างมีการกระโดดเยอะ พวกเรากระโดดจนปวดเข่ากันนิดหนึ่งแล้ว
พวกเราซ้อมค่อนข้างหนักค่ะ เพราะเราซ้อมทุกวันเลย ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะซ้อมตั้งแต่เช้าจนถึงดึก เราเป็นน้องใหม่ด้วยก็อาจจะจำท่ายังช้ากันอยู่ ก็เลยรู้สึกว่ามันยากในการจำ”
ด้าน ซินดี้ BNK48 ถึงปากจะบอกว่าไม่คิดอะไร แต่เมื่อได้เข้ามาเป็นเมมเบอร์ก็ทำให้ได้รู้ว่าการเป็น BNK48 ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเรื่องธรรมดาเลย
“หนูก็คิดไว้แล้วว่าน่าจะต้องหนัก แต่พอเข้ามาจริงๆ ก็หนักกว่าที่คิดไว้ค่ะ แต่พอทำก็รู้สึกเอนจอยค่ะ มีบางครั้งที่เหนื่อยบ้าง แต่ก็สนุกที่ได้ทำสิ่งที่ชอบ”
ปาล์มมี่ BNK48 ยกตัวอย่างช่วงใกล้เปิดตัวเมมเบอร์รุ่น 4 ว่าช่วงนั้นคือความวายป่วงของพวกเธอ เพราะมีคอนเสิร์ตที่ต้องขึ้นร่วมกับพี่ AKB48 จัดติดๆ กัน ซึ่งมีท่าและบล็อกกิ้งเยอะมากๆ ที่ต้องจำให้ได้
“ตอนนั้นพวกหนูเพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่เดือนเอง ก็ต้องฝึกหนัก มีตอนหนึ่งที่ครูให้เต้น ถ้าเต้นไม่ได้ก็จะไม่ปล่อย ให้เต้นทีละคน หนูถึงขั้นร้องไห้ คือหนูไม่ได้เสียใจ แต่มันเหนื่อยและกดดันจนร้องไห้ออกมา เพลงที่ต้องร้องต้องเต้นก็เป็นเพลงที่ยากมากๆ ใน 48 Group หนูถามครูสอนเต้นแล้วว่าสำหรับครูคือมันยากแค่ไหน ครูบอกว่าสำหรับนักเต้นนี่คือยากมากๆ แล้วพะวกเราเพิ่งฝึกกันมาแค่ไม่กี่เดือนก็เลยรู้สึกว่าหินสุดๆ”
เรื่องความยากของท่าเต้น มารีน BNK48 ก็ยืนยันอีกเสียงว่ายากกว่าที่หลายคนคิด
“หลังจากเข้ามาเป็น BNK48 ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เคยคิดกับสิ่งที่ได้เจอมันต่างกันมากค่ะ มองภายนอกอาจจะคิดว่าเต้นง่าย แต่พอเราได้มาเต้นจริงๆ แล้วมันเต้นยากมาก ทำให้สวยยากมาก ก็ต้องฝึกซ้อมเยอะมาก มีเปลี่ยนท่า เปลี่ยนบล็อกกิ้งเยอะมาก ก็ต้องกินน้ำมันปลาเยอะๆ (หัวเราะ) คือต้องฝึกสมองเพื่อให้จำให้ได้ มันท้าทายมากๆ เลยค่ะ
ตอนงานที่ต้องเต้นกับพี่ๆ AKB48 มันจะมีบางเพลงที่เต้นเหมือนสเตจเดบิวต์ แล้วเราได้สลับฝั่ง มันคนละท่าเลยค่ะ คือมันต้องเปลี่ยนท่า แล้วต้องรีบจำ ก็จะเบลอๆ นิดหนึ่ง งานนี้ท่านี้ แต่อีกงานมันต้องลงก่อน ก็เลยยิ่งเครียด”
"วันใหม่" ที่พวกเธอกำลังจะสร้าง
วันใหม่ คือชื่อซิงเกิลเดบิวต์ของ BNK48 รุ่น 4 แน่นอนว่าความหมายของเนื้อเพลงและเรื่องราวใน MV คือเงาสะท้อนสิ่งที่พวกเธอได้เผชิญกันมา โดยมีเป้าหมายว่า วันใหม่ ในแบบพวกเธอจะงดงามและน่าจดจำ
แพท BNK48 บอกว่า “ตอนนี้รุ่นพี่รุ่น 1 ก็จบการศึกษากันเกือบหมดแล้ว เหมือนเป็นการกดดันว่าเราจะทำให้ BNK48 ยังอยู่ได้ไหม หรือจะออกมาเป็นอย่างไร พวกเราจะมาทำหน้าที่แทนรุ่นพี่ได้ไหม เพราะมันเป็นช่วงรอยต่อพอดีเป๊ะเลย”
ปาล์มมี่ BNK48 มองย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ BNK48 โด่งดังว่าความแปลกใหม่เป็นปัจจัยสำคัญ พอมาถึงรุ่น 4 นี่คือภารกิจสำคัญ
“ที่คนส่วนใหญ่มาตาม BNK48 ตั้งแต่รุ่นพี่รุ่น 1 เพราะเรามีความแปลกใหม่มากในประเทศไทย คนก็เลยให้ความสนใจกันเยอะ ตอนนี้ก็ผ่านมา 6 ปีแล้ว รุ่น 4 ก็จะพยายามทำให้เป็นรุ่นที่กลับมาใหม่ได้อีกครั้ง เหมือนภาพวันแรกที่ทุกคนเห็น”
สำหรับ เนเน่ BNK48 เสริมว่า “พวกเราจะเป็นรุ่น 4 ที่เป็นรุ่น 4 ค่ะ กลัวทุกคนคาดหวังว่าทำไมรุ่น 4 ไม่เหมือนรุ่น 1 รุ่น 2 รุ่น 3 เลย อยากให้ทุกคนได้รับความใหม่ไปจากพวกเรา”
เบอร์รี่ BNK48 บอกว่าพวกเธอนิยามความเป็นรุ่น 4 ไว้อย่างน่าสนใจ
“พวกเราคือนกฟินิกซ์ค่ะ เพราะนกฟินิกซ์เกิดใหม่ได้ตลอดเวลา ถ้าเราล้มก็จะลุกขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนถ้าเป็นของกินพวกเราคือมินท์ช็อค เพราะรสมินท์เปรียบเสมือนความสดใส ความร่าเริงของพกวเรา และช็อคโกแลตเปรียบเสมือนความจริงจัง ความตั้งใจ รวมกันเป็นความใหม่ค่ะ”
เมื่อมองถึงอนาคตของตัวเองในการเป็นเมมเบอร์วงนี้ มารีน BNK48 บอกว่าอยากเห็นพัฒนาของตัวเองทุกด้าน
“หนูอยากเห็นตัวเองพัฒนาขึ้นทุกด้านค่ะ อนาคตเราจะเก่งในทุกด้านที่ไม่มั่นใจหรือคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอ แล้วก็อยากช่วยให้วงนี้มีคุณภาพขึ้นไปอีกค่ะ”
ซินดี้ BNK48 มองไกลไปถึงการทำให้รุ่น 4 โกอินเตอร์เลยทีเดียว
“หนูอยากให้ BNK48 ไประดับโลกเลยค่ะ”