กองปราบจับสาวแสบหลอกยายวัย 80 ทำส้มตำให้กิน ก่อนหาจังหวะเผลอฉกเงิน - ทองคำ หลบหนี
เมื่อเวลา14.00 น. วันที่27 ก.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป พร้อมชุดสืบสวน แถลงการจับกุม น.ส.ธวัลกร แคฝอย อายุ 43 ปี ชาวจ.อุทัยธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่จ.อุทัยธานี
พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางนางนวลศรี สิงห์ไธสง และนายลี สิงห์ไธสง สองสามีภรรยาวัย 80 ปี ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นาโพธิ์ ว่าช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ถูกคนร้ายเป็นผู้หญิงรูปร่างลักษณะท้วมผมยาวประบ่า อายุประมาน 40 ปี ขับจยย.สีแดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาที่บ้านตนเอง ในต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ แอบอ้างเป็นเพื่อนลูกสาว บอกว่าเอานำผึ้งที่ลูกสาวสั่งมาส่ง โดยเรียกเก็บเงินจากตายาย จำนวน 150 บาท ต่อมาคนร้ายได้ออกอุบายว่าหิวข้าว ทางยายจึงได้ตำสัมตำให้กิน ส่วนตาออกไปซื้อไก่ย่าง โดยยายได้นำครกออกมาตำสัมตำที่บริเวณหน้าบ้าน คนร้ายจึงใช้จังหวะนี้ขอยายเข้าห้องน้ำ ก่อนจะแอบเข้าไปขโมยเงินที่ลูกสาวเพิ่งนำมาให้กว่า 10,000 บาท พร้อมกับ ทองคำน้ำหนัก 1 บาท รวมมูลค่ากว่า 30,000 บาท และรีบออกจากบ้านไป ทางสองตายายเห็นว่าผิดสังเกตุจึงรีบเข้าไปดูทรัพย์สินปรากฎว่าหายไป จึงได้เข้าแจ้งความ
พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดีในช่วงเวลาเกิดเหตุทาง นายพรชัย โนไธสง อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 แวะมาหาสองตายายที่บ้าน และพบคนร้ายรู้สึกแปลกหน้ากลัวว่าจะเป็นมิจฉาชีพจึงได้ถ่ายภาพหน้าตาและรถจักรยานยนต์เป็นหลักฐาน โดยหลังทราบเรื่องจึงได้นำไปมอบให้ทางเจ้าหน้าที่เพื่อให้ช่วยติดตามคนร้าย จนกระทั่งชุดจับสืบสวนสามารถติดตามตัวคนร้ายได้ดังกล่าว
“ขอฝากเตือนประชาชนหากพบคนแปลกหน้ามาอ้างตัวเป็นเพื่อนคนสนิทลูกหลาน ให้สอบถามไปยังลูกหลานตนเองก่อนและถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐานเช่นกรณีนี้” พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวเตือน
สอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดบยินยอมที่จะคืนทรัพย์ให้กับผู้เสียหาย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางผู้ต้องหาจะคืนทรัพย์สินให้กับผู้เสียหายแล้ว ก็ยังต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปเนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นคดีอาญา ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาปรากฎว่าไม่เคยต้องโทษคดีใดมาก่อน และฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ยากจน แต่กลับเลือกจะมาเป็นมิจฉาชีพ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้ทำงานเป็นขบวนการและคาดว่าน่าจะเคยไปก่อเหตุลักษณะดังกล่าวที่จ.ขอนแก่น ได้เงินไป 1.8 แสนบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมหลักฐานทำการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป