มติสภาฯ 242 : 215 เสียง ไม่เห็นด้วยตั้ง กมธ.ต้านรัฐประหาร
สภาลงมติไม่เห็นด้วยตั้งกมธ.ต้านรัฐประหาร 242 : 215 เสียง "ปิยบุตร" ระบุไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้าน หรือ ฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นวาระแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 63 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 242 ต่อ 215 เสียงไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเสนอโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กับคณะ
ทั้งนี้ ก่อนที่สภาฯจะลงมตินั้นนายปิยบุตร กล่าวสรุปในฐานะผู้เสนอญัตติว่า ขอบคุณสมาชิกที่ร่วมอภิปรายญัตตินี้ 47 ท่าน ซึ่งการรัฐประหาร 2 ครั้งล่าสุดเป็นต้นเหตุของการเกิดวิกฤติการการเมือง ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตยในการแก้ไขปัญหาการเมือง แต่กลับใช้การรัฐประหาร เกิดการแตกขั้วทำลาย ความชอบธรรมจากการเลือกตั้งและความชอบธรรมจากการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ดังนั้นรัฐประหารปี 2549 และซ่อมอีกครั้งในปี 2557 แสดงให้เห็นว่าไม่สามารถสร้างหลักการเสรีประชาธิปไตยและสร้างความศรัทธาของประชาชนต่อระบบต่างๆ มาได้
นายปิยบุตร กล่าวว่า รัฐประหารเกิดไม่ได้หากนายทหารระดับปฏิบัติการ ข้าราชการ ไม่ยินยอม และโต้แย้ง นิติกรไม่ช่วยเขียนกฎหมายป้องกันคณะรัฐประหารหลังรัฐประหาร ศาลตัดสินลงโทษ และ ส.ส. พร้อมใจกันต่อต้านรัฐประหาร นักธุรกิจและนายทุนไม่เป็นท่อน้ำเลี้ยง สื่อมวลชนพร้อมใจนำเสนอข่าวต่อต้านรัฐประหาร ไม่เรียก ‘บิ๊ก’ ไม่เรียก ‘ลุง’ ถ้าคนไทยมีสำนึกในประชาธิปไตยและต่อต้านรัฐประหาร รัฐประหารไม่มีทางสำเร็จ
นายปิยบุตร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านสามารถสร้างฉันทามติร่วมกันได้ จนเกิดเป็นคณะกรรมาธิการมาหลายชุด ดังนั้นการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นี้ เป็นการประกาศศักดิ์ศรีของผู้แทนราษฎรว่าจะไม่ยอมจำนนต่อคณะรัฐประหาร และไม่ใช่ผู้แทนของคณะรัฐประหาร อีกทั้งญัตตินี้ไม่มีผลต่อความมั่นคงของรัฐบาล ไม่กระทบการทำงานของรัฐบาลที่ยังบริหารงานต่อไปได้ แต่แค่อาจจะกระทบกับความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางคนที่ได้ตำแหน่งเพราะยึดอำนาจเขามา แต่ถ้า ส.ส. ไม่ลงมติตั้งคณะกรรมาธิการฯ เพราะเกรงใจ ตนก็มีคำถามว่าตกลงแล้วเราเป็นผู้แทนของราษฎร หรือเป็นลูกน้องของนายพล
"เพราะถ้าไม่ลงมติตั้งคณะกรรมาธิการ มันแสดงให้เห็นว่าเงาของรัฐประหารยังเวียนอยู่รอบรัฐสภา แต่ที่ประชุมตัดสินใจตั้งคณะกรรมาธิการฯ ก็แสดงให้เห็นว่า ส.ส. พร้อมใจกันร่วมมือไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นมาอีก รัฐประหารที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จากโศกนาฏกรรม เริ่มกลายเป็นเรื่องตลก และกลายเป็นเรื่องปกติในที่สุด อย่างไรก็ตามชะตากรรมของผมตอนนี้อยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่าวันนี้อาจจะเป็นการทำงานครั้งสุดท้ายของผมก็ได้ จึงหวังว่าทุกคนจะร่วมกันยกมือโหวตรับญัตตินี้ พร้อมทั้งกล่าวย้ำว่า นี่ไม่ใช่วาระของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่วาระของฝ่ายค้าน หรือวาระของรัฐบาล แต่เป็นวาระของชาติที่สภาต้องร่วมมือกัน ขอให้ทุกคนร่วมกันยกมือเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน" นายปิยบุตร กล่าว