ไทยสมุทรฯปรับทัพตัวแทนสู้โควิด-19 หลังครึ่งปีแรกเบี้ยหด1%
ไทยสมุทรประกันชีวิต เบี้ยรับครึ่งปีแรกหดเพียง1% จากผลกระทบโควิด-19 ยันทั้งปีนี้เดินหน้าปั้นเบี้ยรับไม่ต่ำกว่าปีก่อน ปรับทัพตัวแทนบุกตลาดหัวเมืองใหญ่ กำลังซื้อสูง ต้องการประกันความคุ้มครอง และยูนิตลิงค์ หวังหนุนยอดเบี้ยต่อตัวแทนกลับมาเท่าเดิมที่20,000บาทต่อราย ฝั่งการลงทุนรอจังหวะเหมาะสม เพิ่มลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
นางนุสรา บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วง6เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีเบี้ยประกันรับรวม หดตัว -1% อยู่ที่ราว 5,900 ล้านบาท และในปีนี้จะพยายามรักษาการเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมราว 9,000 ล้านบาท จากช่วงต้นปีนี้วางเป้าหมายที่10,000ล้านบาทเติบโต5% จากปีก่อน
“หากไม่มีการระบาดระลอกและเรามองว่าครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้ทั้งปีนี้เรายังไม่ปรับเป้า แต่จะพยายามทำให้ตัวเลขให้กลับมาเป็นบวกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าปีก่อน หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและช่องทางตัวแทนเป็นช่องทางหลักเติบโตน้อยลง ทำให้เราโตไม่ได้ตามเป้า แต่ยังถือว่าติดลบน้อยกว่าอุตสาหกรรมประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมหดตัว -3.27% โดยทั้งปีนี้คาดว่า อุตฯหดตัว -2%ถึง-5% “
สำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังปี2563 นางนุสราเชื่อว่า ผลกระทบจากโควิด-19 จะยังคงอยู่และยังกระทบกำลังซื้อทั้งผู้ประกอบการและคนทั่วไป แต่บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยเฉพาะช่องทางตัวแทนเป็นช่องทางหลัก หันมามุ่งเจาะกลุ่มหัวเมืองใหญ่ คนมีฐานะมากขึ้นเช่น ข้าราชการและกลุ่มคนมั่งคั่ง กำลังซื้อสูง แทนกลุ่มเกษตรกร น่าจะทำให้ยอดเบี้ยต่อตัวแทนกลับทรงตัวที่ระดับ 20,000 บาทต่อราย จากช่วงโควิด-19ที่ผ่านมายอดเบี้ยต่อตัวแทนหายไปราว1,000-2,000บาทต่อราย
พร้อมกันนี้ในภาวะดอกเบี้ยต่ำนาน จึงหันมามุ่งขยายตลาดประกันชีวิตประเภทความคุ้มครองชีวิต สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพและโรคร้ายแรง รวมถึงประกันควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) มากขึ้น ล่าสุด เตรียมออกผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุ้มครองตลอดชีพ จ่ายเบี้ยถูก ที่ตัวแทนสามารถนำไปนำเสนอขายควบคู่กับสัญญาเพิ่มเติมต่างๆได้ง่ายขึ้น อีกทั้งในเดือนก.ค.นี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ทำตลาดประกันยูนิตลิงค์ โดยออกแบบชำระเบี้ยครั้งเดียว และเตรียมออกแบบชำระเบี้ยรายงวดเพิ่มเติมด้วย เพื่อเป็นการศึกษาตลาดและเตรียมความพร้อมตัวแทน คาดว่าจะมีเบี้ยประกันยูนิตลิงค์ราว30-40ล้านบาทในปีนี้
นอกจากนี้ ในส่วนเบี้ยประกันปีต่ออายุของบริษัท พบว่า ปัจจุบันเริ่มกลับมาเป็นบวก โดยประกันแบบกลุ่มยังเติบโตได้ดี มีลูกค้าต่อสัญญาอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยหนุนรายได้ในภาพรวม
ทางด้านการลงทุน นางนุสรา กล่าวด้วยว่า ผลตอบแทนการลงทุนปัจจุบัน5.5% ซึ่งลดลงบางแต่ไม่มาก ในช่วงที่เหลือของปีนี้ พยายามหาโอกาสลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากมีการผ่อนคลายเกณฑ์เรื่องการลดความเสี่ยงการสำรองจากการลงทุน เพื่อให้ธุรกิจประกันขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ซึ้งคาดว่าน่าจะชัดเจนในไตรมาส3นี้ ก็จะช่วยให้สร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตลงทุนราว 98,000 ล้านบาท มีสัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็น พันธบัตรรัฐบาล30-40%, หุ้นกู้ 30-40% เงินกู้กรมธรรม์ 12%, สินเชื่ออสังหาและปล่อยกู้ 15 %และหุ้น 2-3% อีกทั้งยังมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งด้วยเงินสำรอง 75,000 ล้านบาท และมีอัตราความเพียงพอของเงินกองทุน( CAR)ที่ 371% สูงกว่าที่กฎหมายกำหนดมาก ยังมีความมั่นคงสูงในภาวะเช่นนี้และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว