เดินหน้าจัดงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2020
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปรับงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2020 ในรูปแบบใหม่ “The Hybrid Edition” เปิดเจรจาซื้อขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ 22-26 ก.ย.2563 นี้
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเตรียมจัดงานแสดงสินค้า อาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX - ANUGA ASIA 2020 ในระหว่างวันที่ 22-26 ก.ย.นี้ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี แม้ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 แต่คณะผู้จัดงานมองเห็นสัญญาณบวกของการฟื้นตัวจาก สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยจึงเดินหน้าจัดงาน อย่างไรก็ตามได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยให้เป็นลักษณะไฮบริดที่ผสานการจัด VirtualTrade Fair และ Virtual - Online Business Matching นอกเหนือจากการจัดงานแสดงสินค้าตามปกติ โดยนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนในการติดต่อกับผู้ซื้อ ต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้ฟื้นตัว กลับมาโดยเร็ว และตอบโจทย์นักธุรกิจต่างชาติหรือผู้นำเข้าสินค้าอาหารที่ไม่สามารถเดินทางมาไทยได้
นอกจากนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังได้จัดให้มีการแสดงสินค้าเสมือนจริง THAIFEXporterVirtual Trade Show ควบคู่ไปด้วย โดยจะมีการซื้อ ขายผ่านเว็บไซต์ www.thaifexportervirtualtradeshow.com จัดแสดงคูหาเสมือนจริงในรูปแบบ 3 มิติ ผู้ชมงานจากต่างประเทศสามารถเข้าไปเลือกสินค้าในชั้นวางสินค้า ชมคลิปวิดีโอ เปิดแคตตาล๊อกสินค้า ฝากข้อความนัดเวลาเจรจาการค้าล่วงหน้าหรือเจรจาการค้าได้ทันทีได้ ทั้งได้นี้ได้กำชับให้ทูตพาณิชย์ประชาสัมพันธ์หาผู้ซื้อและผู้นำเข้า เพื่อให้เข้ามาร่วมการเจรจาธุรกิจในงานดังกล่าว
ในส่วนของการจัดงานแบบออฟไลน์จะจัดแสดงสินค้า อาหารและเครื่องดื่ม ณ ศูนย์แสดงสินค้าและ การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี และเพิ่มกิจกรรมการจัดนิทรรศการด้านหน้าโถงอาคาร ภายใต้แนวคิด EAT RESPONSIBLY เพื่อนำเสนอแนวโน้มของการบริโภคยุคใหม่ที่ไม่ได้มุ่งเน้นที่รสชาติ หรือประโยชน์ของ อาหารเท่านั้น แต่ยังลงลึกไปถึงที่มาของวัตถุดิบกรรมวิธีหรือเรื่องราวทีเป็นเอกลักษณ์ของอาหารจานนั้นๆ ผ่านประเภทการจัดแสดง 8 กลุ่ม ได้แก่ FutureFood,FreefromFood,FoodIngredients,Asia’s Herbto the World, New Protein Source, Thailand Trust Mark, Style Bangkok Showcase และ Halal to the World
“แม้การจัดงานครั้งนี้จะเปลี่ยนรูปแบบจากปกติหากไม่เกิดปัญหาการแพร่ระบาดโควิดจะมีคนเข้าชมงานนับหมื่นคนตลอดจัดงาน โดยมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 12,600 ล้านบาท แต่ปีนี้จากปัญหาโควิดหลายประเทศยังไม่ลดลง ดังนั้น การเจรจาสั่งซื้อสินค้าภายในงานปีนี้ตามรูปแบบจัดงานใหม่น่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ประมาณ 10 % หรือน่าจะมีมูลค่า 1,500-2,000 ล้านบาท” นายสมเด็จ กล่าว
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ลำดับที่ 11 ของโลก และเป็นอัน ดับ 2 ของเอเชีย มียอด ส่งออก กว่า 1.25 ล้านล้านบาท สำหรับ ธุรกิจอาหารไทยในยุค New normal ทำให้ เกิดเทรนด์ธุรกิจใหม่มากมาย เช่น ค้าปลีก ร้านอาหาร หรือแม้แต่ธุรกิจดั้ง เดิมที่ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งการจัดงานนี้ก็เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศไทยในฐานะตลาดอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานได้รับประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆในการเข้าถึงตลาดในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก
ปีนี้มีผู้ประกอบการไทยได้ให้ความสนใจการจัดงานรูปแบบใหม่และยืนยันเข้าร่วมงานแล้ว จำนวน 319 บริษัท 1,116 คูหา เป็น SMEs 120 ราย และมีรายใหม่ 90 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สามารถสร้างงาน สร้าง มูลค่าเพิ่ม และสร้างรายได้ ก่อให้เกิดมูลค่าแก่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้เรายังมอบสิทธิ ประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการไทยทั้ง Manufacturer และ Exporter ที่เข้าร่วม อาทิ ส่วนลดค่าพื้นที่เข้า ร่วมงาน 20% สิทธิการเข้าร่วมเจรจาการค้ากับผู้ซื้อ /ผู้นำเข้าผ่าน Online Business Matching, VDO Conference, Facebook Live แนะนำสินค้า ของบริษัท
นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า ตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยของผู้ประกอบการต่างชาติจาก 15 ประเทศรวม 44 บริษัท ยังคงยืนยันการเข้า ร่วมงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม บราซิล โปแลนด์ นอร์เวย์ อินโดนีเซียและสิงคโปร์ โดยในงานจะมีกิจกรรมพิเศษ อาทิ THAIFEX Start Up Pavilion & Tech Pavilion, THAIFEX Taste Innovation Show และ THAIFEX TrendZone เป็นต้น รวมทั้งการสัมมนาออนไลน์ฟรีเป็นครั้งแรก
สำหรับงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” จะจัดขึ้น 5 วัน โดยแบ่งเป็นวันเจรจาการค้า ในวันที่ 22-26กันยายน2563 และวันจำหน่ายปลีก ในวันที่ 25-26 กันยายน 2563 ซึ่งจัดขึ้น 2 วัน จากเดิมที่จัดเพียง 1 วันเท่านั้น เพื่อส่งเสริมการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ