“นายกฯ”สั่งดันค้าชายแดน กรอ.พาณิชย์ถกลดอุปสรรค
นายกฯ สั่งพาณิชย์เพิ่มยอดส่งออกชายแดน - อาเซียน ชดเชยการส่งออกตลาดอื่นที่ลดลง จุรินทร์ เผยเร่งเจรจาปลดล็อกการค้าข้ามแดนหลายแห่ง ประเมินส่งออกครึ่งปีหลังกระเตื้องเตรียมเรียกประชุม กรอ.พาณิชย์สัปดาห์หน้าแก้ปัญหาส่งออก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2563 (Prime Minister’s Export Award 2020) ว่า รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจทั้งภาคการผลิตและบริการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งพัฒนาทักษะผู้ประกอบธุรกิจให้ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การดําเนินธุรกิจ
พร้อมทั้งสนับสนุนและกําหนดมาตรการการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาด รวมถึงการปรับตัวเข้าสู่ยุค New Normal ช่วยกันขยายตลาดเพื่อเพิ่มการส่งออกให้มากขึ้น สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้นโดยในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิดประเทศต่างๆได้รับผลกระทบจากการส่งออก ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นกันดังนั้นจึงต้องมองหาตลาดทดแทนการส่งออกโดยการเพิ่มการส่งออกในชายแดนและอาเซียนซึ่งประเทศต่างๆยังมีความต้องการสินค้าจากประเทศไทยมาก
นอกจากนั้นต้องการให้ผลักดันให้สินค้าชุมชนต่างๆ ส่งออกได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ของชาวบ้านในชุมชนท้องถิ่น โดยจากนี้รัฐบาลจะไปดูในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่เป็นของท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อให้กระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการในท้องถิ่นมากขึ้น
“สินค้าเป็นที่ต้องการของอาเซียน และสินค้าเราแข่งขันได้ ให้เน้นส่งเสริมการขายกับกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย เมื่อโลกเปลี่ยนเราก็ต้องปรับ ขอให้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าต่อไป และต้องพัฒนาสินค้าของไทยไปด้วยกัน เพื่อสร้างห่วงโซ่ และอยากให้สินค้าที่พัฒนามาจากฐานราก จากเกษตรกร พัฒนาสินค้าให้เป็นสู่ระดับที่สูงขึ้น”
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกไทยต้องเปลี่ยนรูปแบบขนานใหญ่เพื่อให้การส่งออกออกมาดีที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยการส่งออกรูปแบบใหม่ต้องเน้น 2 ส่วน คือ 1.การค้าออนไลน์เพื่อทดแทนระบบออฟไลน์ เพื่อให้มีช่องทางการค้าต่างประเทศที่เหมาะสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้นำผู้ส่งออกมารวมกันแล้วร่วมกันเจรจาการค้าผ่านออนไลน์ และ2.การค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนที่จะเพิ่มยอดการส่งออกได้เร็ว
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าจะประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) กระทรวงพาณิชย์ หรือ “กรอ.พาณิชย์” เพื่อหารือการแก้ปัญหาการส่งออกและการค้าชายแดนให้ได้มากขึ้น สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันพบว่า การส่งออกสะดุดเพราะต้องปิดชายแดนป้องกันโควิด-19 ขณะนี้ได้เจรจาให้เปิดด่านการค้าเพื่อให้เกิดการค้าชายแดนได้มากขึ้น ทั้งด่าน จ.สงขลา ด่านที่ จ.นราธิวาส และได้รับการตอบรับที่ดี
ส่วนด้านเมียนมาได้เดินทางไปดูพื้นที่ด่านกิ่วผาวอก และด่านบ้านหลักแต่ง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเปิดด่าน 2 แห่งให้ทำการค้าได้ โดยเร่งให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้เจรจารวมทั้งให้ภาครัฐและเอกชน เมื่อเปิดด่านทั้ง 2 แห่งได้ปริมาณการค้าข้ามแดนไทยและเมียนมาจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่เปิดด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย
สำหรับชายแดนสปป.ลาว ได้เจรจาเปิดด่านบ้านปากแซง จ.อุบลราชธานีขณะนี้ทำได้ปกติโดยไม่ต้องขออนุญาตจากฝ่ายความมั่นคงส่วนชายแดนในฝั่งที่ติดกับกัมพูชาได้นัดหมายกับกระทรวงพาณิชย์และฝ่ายความมั่นคงของกัมพูชา เจรจาเปิดด่านบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
"หลายด่านที่เปิดได้เแล้วก็เจรจาต่อเนื่องให้สินค้าส่งไปถึงประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ สอดคล้องกับช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้การส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก”
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การส่งออกรวมของประเทศ ปี2562 มีมูลค่า 7,628,400 ล้านบาทติดลบ5.92% ส่วน 7เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) มูลค่า 4,141,982 ล้านบาท ติดลบ 8.77%
ขณะที่การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค. – พ.ค.) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 524,357ล้านบาท ลดลง9.71% ส่วนเป้าหมายการค้าชายแดนปี2563คาดว่าจะมีมูลค่า 1 -1.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 7 ของมูลค่าการส่งออกรวมเท่านั้น