ททท.เกาะกระแส ‘มูเตลู’ เจาะตลาดคนไทยเที่ยวใต้
“ททท.”เกาะกระแสสายมูเตลู ปรับกลยุทธ์เจาะตลาดคนไทยเดินทางเชื่อมโยงจากนครศรีฯแล่นเรือเข้า “สมุย” เฟ้นโปรดักท์แหล่งท่องเที่ยวฮิตติดตลาด ดึงเช็กอินรีสอร์ท-คาเฟ่-เกาะดัง ชูจุดขายความครบเครื่อง
นางสาวศุภากาญจน์ ยอดฉุน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเกาะสมุย กล่าวว่า กลยุทธ์การเจาะนักท่องเที่ยวคนไทยไปเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ต้องมุ่งเพิ่มปริมาณทราฟฟิกการเดินทาง นอกจากเที่ยวบินตรงไปสมุยและสุราษฎร์ธานีซึ่งผู้โดยสารต้องใช้บริการต่อเรือ
เร็วๆ นี้กำลังจะมีการแล่นเรือเส้นทางจาก อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ไปยังสมุยโดยตรง เนื่องจากปริมาณที่นั่งโดยสารของเที่ยวบินตรงเส้นทาง กรุงเทพฯ-สมุย ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สปัจจุบันให้บริการอยู่ที่ 400-500 คนต่อวันเท่านั้น จากช่วงปกติที่ยังไม่มีวิกฤติโควิด-19 อยู่ที่ 3,000-4,000 คนต่อวัน
โดยตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางเชิงความเชื่อและศรัทธา (สายมูเตลู) ซึ่งนิยมเดินทางมานครศรีฯเพื่อกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะไอ้ไข่ วัดเจดีย์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้และคาดว่าจะเป็นกระแสไปอีกสักพักใหญ่ ให้เดินทางเชื่อมโยงมายังสมุยมากขึ้น ซึ่งใช้เวลานั่งเรือน้อยกว่าจากฝั่ง จ.สุราษฎร์ฯ
“แม้โจทย์การทำตลาดสมุยเจาะนักท่องเที่ยวไทยจะเป็นเรื่องยาก เพราะมีปัจจัยต้นทุนการเดินทางที่สูงและใช้ระยะเวลาการเดินทางนานกว่าจุดหมายชายทะเลอื่นๆ ทำให้สมุยมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวไทยเพียง 10%ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด แต่ ททท.ต้องเฟ้นกลยุทธ์ทุกทางเพื่อเติมเต็มยอดนักท่องเที่ยวบนเกาะสมุย”
จึงเป็นที่มาของการต่อยอดกระแสการเดินทางของตลาดความเชื่อและศรัทธา เชื่อมโยงการเดินทางทางเรือจาก อ.ขนอม และ อ.สิชล นครศรีฯ มายังสมุย พร้อมโปรโมทภายใต้แคมเปญใหญ่ของ ททท. “คิดแล้วไปให้ถึง” มุ่งกระตุ้นไทยเที่ยวไทย ควบคู่กับการหาสินค้าและบริการท่องเที่ยวให้เข้ากับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยมาโปรโมทมากขึ้น ครอบคลุมจุดหมาย รีสอร์ท ร้านอาหาร และคาเฟ่ที่กำลังติดตลาดและเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย เช่น เกาะมัดสุม (เกาะหมู) ซึ่งอยู่ใกล้เกาะสมุย และร้านโคโค่แทมส์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับภาคเอกชนท่องเที่ยวเกาะสมุยจัดงานโปรปลดล็อก ส่งเสริมการขายแพ็คเกจราคาพิเศษหลังปลดล็อค ลดสูงสุด 70%
“คนไทยส่วนใหญ่รู้จักสมุยแต่ยังไม่เคยมา ททท.จึงต้องหาจุดหมาย สินค้า และบริการท่องเที่ยวที่รองรับความสนใจของคนไทยมาโปรโมทว่าสมุยมีครบเครื่อง ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงความเชื่อและศาสนา รวมถึงรีสอร์ตสวยๆ ร้านอาหารและคาเฟ่บรรยากาศดีที่เหมาะกับการมาเช็กอิน”
นางสาวศุภากาญจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากพื้นที่สมุยแล้ว ททท.ยังรับผิดชอบการทำตลาดพื้นที่เกาะพะงันซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องงานฟูลมูนปาร์ตี้ด้วย พบว่าหลังจากเจอวิกฤติโควิดส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งครองสัดส่วนมากถึง 95%ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาพะงัน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น จึงปรับตัวได้ยาก โดยธุรกิจที่พักบนพะงันซึ่งส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก 10-20 ห้องพักต่อแห่ง ปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการไม่ถึง 100 แห่งจากที่มีอยู่ราว 400-500 แห่ง
“ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของเกาะพะงันเหมือนเป็นลูกคนกลาง ใช้ระยะเวลาเดินทางนานกว่าการเดินทางไปเกาะสมุยที่อยู่ใกล้สุราษฎร์ฯและนครศรีฯมากกว่า ส่วนเกาะเต่าก็ใกล้ชุมพรมากกว่า ททท.จึงต้องดึงอินฟลูเอนเซอร์ลงพื้นที่เพื่อโปรโมทให้นักท่องเที่ยวไทยยังนึกถึงและตัดสินใจเดินทางมาเกาะพะงัน”