‘อนุทิน’ ลงพื้นที่แม่ฮ่องสอน ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19
รองนายกฯ "อนุทิน" ลงพื้นที่แม่ฮ่องสอนส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวม 2,000 โด๊ส สร้างภูมิคุ้มกันบุคลากรด่านหน้าปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ลี้ภัยความไม่สงบจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างปลอดภัย
รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้กล่าวระหว่างการพบปะให้นโยบายทั้งบุคลากรด้านสาธารณสุขและความมั่นคงว่า การเดินทางมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอนครั้งนี้นอกจากจะได้มอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และอุปกรณ์ป้องกันโรคแล้ว ยังได้นำความปรารถนาดีและความห่วงใยจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมมาถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน เพื่อเป็นกำลังแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อมนุษยธรรม เพื่อนบ้านที่หนีภัยความไม่สงบเข้ามายังประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ทั้งบุคลากรด่านหน้าและประชาชนในพื้นที่ต้องปลอดภัยด้วย เพราะในประเทศเพื่อนบ้านขณะนี้ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19อยู่มาก ผู้ที่หลบหนีเข้ามาอาจจะมีผู้ที่ติดเชื้อ ทั้งหมดต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและรัดกุม จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลจัดสรรวัคซีนมาให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และพร้อมสนับสนุนในประเด็นที่มีการร้องขอเข้ามายังส่วนกลางต่อไป
ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่จัดสรรให้พื้นที่อ.แม่สะเรียง 2,000 โด๊สครั้งนี้เป็นวัคซีนของซิโนแวค ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีให้นโยบายให้บุคลากรผู้ปฏิบัติงานกับผู้ลี้ภัยให้เร่งฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างปลอดภัย พร้อมกับให้ความมั่นใจว่าฉีดวัคซีนแล้วปลอดภัยเพราะรองนายกรัฐมนตรีก็ฉีดวัคซีนของซิโนแวคครบทั้ง 2 โด๊ส และไม่มีอาการข้างเคียงแต่อย่างใด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หลังจากนั้นรองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหา ผลกระทบทางด้านสาธารณสุขจากความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นข้อมูลการกำหนดนโยบายรวมถึงการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลประชาชนในพื้นที่ต่อไป
นายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานในที่ประชุมกับรองนายกรัฐมนตรีว่า จ.แม่ฮ่องสอน แบ่งการบริหารเป็น 7 อำเภอ โดยมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเมียนมาทางบก 326 กิโลเมตร และทางน้ำ 157กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.-1 เม.ย. 2564 มีผู้ลี้ภัยจากความไม่สงบในเมียนมาเข้ามา 4,297 คน และเดินทางกลับประเทศแล้ว 2,680 คน ส่วนที่เหลือพักอยู่ ณ พื้นที่จุดแรกรับ ตามแนวชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน
ส่วนในพื้นที่ชั้นใน ขณะนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของชาวเมียนมาในพื้นที่พักพิงทั้ง 4 จุด ในอ.เมืองแม่ฮ่องสอน อ.ขุนยวม และ อ.สบเมย โดยข้อกังวลหลักของจังหวัดในสถานการณ์ขณะนี้คือปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งต้องการการสนับสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์จากส่วนกลาง