'หุ้นแบงก์' รูดหนัก ผวารายได้ทรุด หลังหั่นลดดอกเบี้ย

'หุ้นแบงก์' รูดหนัก ผวารายได้ทรุด หลังหั่นลดดอกเบี้ย

“นายแบงก์” ยอมรับรายได้ไตรมาส 3 ส่อรูด หลังหั่นดอกเบี้ย “เอ็มโออาร์-เอ็มอาร์อาร์” สั่งเร่งหารายได้ค่าธรรมเนียมใหม่ๆ ชดเชย ขณะราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ร่วงยกแผง นำโดย 3 แบงก์ใหญ่ “กสิกร-ไทยพาณิชย์-กรุงเทพ”

ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในวานนี้(2ต.ค.) ปรับลดลงยกแผง สาเหตุจากนักลงทุนกังวลผลดำเนินงานไตรมาส 3 มีแนวโน้มลดลง จากผลกระทบการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ให้กับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเบิกเงินเกินบัญชี (MOR) และดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี(MRR) ซึ่งเป็นการปรับลงตามดอกเบี้ยนโยบาย 

โดยหุ้นธนาคารกสิกรไทย(KBANK) มีแรงขายออกมามากสุด ปิดตลาดที่ 152 บาท ลดลง 5.00 บาท คิดเป็น 3.18% มูลค่าการซื้อขาย 2,261 ล้านบาท รองลงมา หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) ปิดที่ 115 บาท ลดลง 2.50 บาท คิดเป็น 2.13% มูลค่าการซื้อขาย 1,612 ล้านบาท และหุ้นธนาคารกรุงเทพ(BBL) ปิดตลาดที่ 168.50 บาท ลดลง 4.50 บาท คิดเป็น 2.6% มูลค่าการซื้อขาย 1,408 ล้านบาท

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า รายได้ดอกเบี้ยไตรมาส 3 ปี 2562 มีแนวโน้มปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์รายอื่นๆ เนื่องจากไตรมาสดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ MOR และ MRR ลงในช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมา หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25 %

"ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอน การที่นักลงทุนกังวลก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเขาลงทุนก็ต้องคาดหวังผลตอบแทน และไตรมาส 3 ก็รู้กันอยู่แล้วว่ารายได้ดอกเบี้ยกระทบแน่ๆ และ ไม่ใช่เราแบงก์เดียว แบงก์ที่ปรับดอกเบี้ยลงก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหารายได้อย่างอื่นมาทดแทน”นายปรีดีกล่าว

นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารไตรมาส 3 คาดว่าจะปรับลดลงเช่นกัน จากผลของการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีผลกระทบทันทีในไตรมาสนี้ ทำให้ธนาคารต้องเร่งหารายได้อื่นๆ เข้ามาทดแทน รายได้ดอกเบี้ยที่หายไป เช่น การเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม(ค่าฟี)อื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น ค่าฟี ของการเป็นที่ปรึกษาในตลาดทุน เช่นการออกหุ้นกู้ หรือการเพิ่มรายได้ค่าฟี ส่วนด้านการชำระเงินของบริษัทต่างๆมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า แม้จะมีรายได้ค่าฟีเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถชดเชยรายได้ดอกเบี้ยที่หายไปได้ทั้งหมด เพียงแต่ช่วยประคองไม่ให้ลดลงแรงเท่านั้น เนื่องจากรายได้แบงก์ส่วนใหญ่ มาจากการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นรายได้ดอกเบี้ยจึงเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ หากเทียบกับรายอื่นๆ 

“แบงก์ก็ได้รับผลกระทบอยู่แล้วด้านรายได้ดอกเบี้ยเพราะดอกเบี้ยที่ลดลงไปมีผลทันที ซึ่งธนาคารก็คงต้องทำธุรกิจของเราต่อไป ต้องเร่งรายได้ส่วนอื่นๆเข้ามาเพิ่มขึ้น หรือการปล่อยกู้ ที่คาดว่า จะเห็นการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส4ปีนี้”

นางสาวจันทนา ทวีรัตนศิลป์ ผู้อำวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับลดลงแรง เนื่องจากนักลงทุนห่วงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนส.ค. ซึ่งตัวเลขสำคัญๆ ปรับลดลง อาจทำให้ธนาคารพาณิชย์ชะลอการปล่อยสินเชื่อ และกังวลว่าหนี้เสียจะปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งประเมินว่าผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 มีโอกาสปรับลง จากการที่ธนาคารพาณิชย์ได้รับลดดอกเบี้ย MOR และ MRR ลง

ทั้งนี้บริษัทให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เท่ากับ ตลาด เนื่องจาก ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา ขณะที่เศรษฐกิจไทยโตชะลอตัว แม้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากแล้ว แต่ยังไม่ปรับคำแนะนำเป็น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-ทิ้งหุ้นแบงก์ฉุดดัชนีปิดลบ 0.78 จุด

-โบรกฯแนะหุ้น ส่งออก-อสังหา เลี่ยงแบงก์ รับดอกเบี้ยลด

-หุ้นกลุ่มการเงินทรุดหลังหุ้นแบงก์ใหญ่สหรัฐดิ่ง

-กิจการธนาคารต่างประเทศ