น้ำมันทะลักหัวไทรต่อเนื่อง ชี้เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ ถูกปกปิดกลางทะเล

น้ำมันทะลักหัวไทรต่อเนื่อง ชี้เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ ถูกปกปิดกลางทะเล

ก้อนน้ำมันปริศนา ยังทะลักอ่าวหัวไทรต่อเนื่อง คลื่นซัดเกยหาดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร ผู้นำท้องที่ชี้เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ในทะเล แต่ถูกปกปิดข้อมูล

สภาพพื้นที่บริเวณริมหาดในตำบลหน้าสตน ตำบลหัวไทร ตำบลเกาะเพชร หลายจุด ในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ในสภาพที่มีก้อนน้ำมันหลายขนาดถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่อง บางจุดเป็นตะกอนเม็ดขนาดเล็กถูกคลื่นซัดเข้ามาจนแนวคลื่นเป็นสีดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

และมีกลิ่นคล้ายน้ำมันเตาหรือน้ำมันก๊าดโชยอยู่ตลอดเวลา และเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีสัตว์ทะเลขนาดเล็กให้เห็นในแนวคลื่นเลย ส่วนบริเวณแนวหาดบางจุดมีก้อนน้ำมันขนาดเล็กเกยหาดเพียงเล็กน้อย แต่กลับพบว่าก้อนน้ำมันจะไปค้างอยู่ที่บริเวณแนวหินกันคลื่นที่ห่างออกไปจากชายหาดประมาณ 50-100 เมตรแทน


ส่วนบริเวณชายหาดแพรกเมือง บ้านฉิมหลา ตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร แม้จะถูกคลื่นซัดก้อนน้ำมันขึ้นมาบนชายหาดจำนวนมาก แต่ในช่วงเย็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังเต็มไปด้วยชาวบ้านที่พาลูกหลานมาพักผ่อนริมหาด ท่ามกลางบริเวณชายหาดที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำมัน

ขณะที่ผู้นำท้องที่ยอมรับว่าไม่สามารถคาดหวังใดๆกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เนื่องจากปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำซากเป็นประจำทุกปีโดยเฉพาะช่วงปลายมรสุม ไม่มีหน่วยงานใดแสดงความรับผิดชอบหรือให้คำตอบถึงที่มาได้

ขณะเดียวกันยังพบว่าก้อนน้ำมันที่เข้าเกยหาดในฤดูกาลนี้ลุกลามเลยไปจนถึงชายหาดอำเภอระโนด อำเภอสทิงพระ อำเภอสิงหนคร ของจังหวัดสงขลา อีกด้วยระยะทางที่เกิดเหตุการณ์นี้มากกว่า 40 กม.


ผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่ยืนยันว่าปรากฎการณ์นี้ต้องเกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์แน่นอน ไม่ใช่ปรากฎการณ์ธรรมชาติ เพียงแต่ไม่มีหน่วยงานใดกล้าระบุเท่านั้นว่าเกิดขึ้นจากกิจกรรมกลางทะเลชนิดใด หรืออาจทราบแต่เป็นข้อมูลที่ถูกปกปิด

นอกจากผลกระทบเชิงกายภาพต่อสิ่งแวดล้อมที่เห็นได้ชัดแล้วยังมีความกังวลต่อการตกค้างของสารประกอบโลหะหนักในก้อนน้ำมันที่ส่งผลต่อสัตว์ทะเลหายาก รวมทั้งกลุ่มสัตว์อาหารทะเลเศรษฐกิจที่ถูกจับขึ้นมาบริโภค โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลที่ก้อนน้ำมันขึ้นมาเป็นจำนวนมากเช่นนี้.