คุมตัว 3 ผู้ต้องหาขายปืนออนไลน์ เหตุกราดยิงพารากอน ยังให้การปฏิเสธ

ตำรวจขยายผลกวาดล้างปืนเถื่อน ที่ขายแพร่หลายผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งพบว่าเป็นแหล่งต้นตอที่เยาวชนวัย 14 ปี กราดยิงพารากอน ซื้อปืนนำมาก่อเหตุร้าย กลางห้างดัง โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มอบหมาย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ติดตามเร่งรัดขยายผล

จากการสืบสวนล่าสุดทางตำรวจ สน.ยานนาวา ได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ จับกุม 3 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีเด็ก 14 ปี กราดยิงในห้างสรรพสินค้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า บุคคลทั้ง 3 ราย เป็นผู้ที่จำหน่ายอาวุธปืนแบลงค์กันให้กับผู้ก่อเหตุ

โดยตำรวจสามารถจับกุมได้แล้ว 3 ราย คือ 
รายที่หนึ่ง นายสุวรรณหงษ์ อายุ 44 ปี 
รายที่สอง นายอัครวิชญ์ อายุ 22 ปี 
สามารถจับกุมได้ที่จ.ยะลา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวเข้ากรุงเทพฯ 
รายที่สาม นายปิยะบุตร อายุ 30 ปี สามารถจับกุมได้ที่กรุงเทพฯ

ทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบว่า เด็กชายอายุ 14 ปี ได้ซื้อปืนแบลงค์กัน ผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นปืนยี่ห้อ กล็อก 19 ซึ่งเป็นอาวุธชนิดเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุ จากนายสุวรรณหงษ์ และมีการโอนเงินซื้อขายกันจริง ในวงเงิน 16,000 บาท โดยนายสุวรรณหงษ์ ได้มีการกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม จากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ยะลา ด้วยตัวเอง

นอกจากนี้่ ยังพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหนึ่งรายคือนายอัครวิชญ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา เช่นเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ จับกุมทั้งคู่ได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พร้อมของกลาง หลายรายการ อาทิ กระสุนแบลงค์กัน 209 นัด , ปลอกกระสุนใช้แล้วทิ้ง 33 ปลอก , หัวกระสุนขนาด 9 ม.ม. 1 หัว , ท่อเหล็กสำหรับดัดแปลงปืนเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 ม.ม. จำนวน 33 แท่ง รวมถึงสลิปกดเงินของธนาคารจำนวนหนึ่ง

จากการสืบสวนพบว่า  นายอัครวิชญ์ เป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นช่องทางในการขายอาวุธปืนแบลงค์กัน เปิดมาแล้วประมาณ 5 เดือน ก่อนที่จะปิดลงไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสามรายยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกจับกุมที่สภ.เมืองยะลา ก่อนควบคุมตัวทั้งคู่มาสอบปากคำเพิ่มเติมและดำเนินคดีที่ สน.ยานนาวา โดยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการจาก พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในช่วงบ่ายวันนี้

นิติเวช ตร. ยังรอญาติสาวจีนประสานรับ เหยื่อกราดยิง

ร่างผู้เสียชีวิตของสาวจีน ยังไร้ญาติประสานสถาบันนิติเวช เพื่อรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ทางหน่วยงาน ระบุ พร้อมอำนวยความสะดวกเหยื่อคดีอุจฉกรรจ์ เหตุกราดยิง หากมีการติดต่อภายหลังเกินระเบียบ 30 วัน

วันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อมวลชน ยังคงปักหลักรอทำข่าวการรับศพ หญิงสาวชาวจีน ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้า กลางกรุงเทพฯ 

โดยก่อนหน้านี้ ญาติและเพื่อนร่วมงานของหญิง ผู้เสียชีวิต ชาวเมียนมา ได้ติดต่อขอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว

ขณะที่ในวันนี้ ญาติของสาวชาวจีน ยังไม่มีการติดต่อขอรับศพ คาดว่ายังอยู่ในช่วงเวลาทำใจจากการสูญเสียบุคคลในครอบครัวอย่างกะทันหัน 

อย่างไรก็ตาม สถาบันนิติเวช รพ.ตร. สามารถเก็บรักษาสภาพร่างผู้เสียชีวิตไว้ได้ 30 วัน ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหากญาติประสงค์ที่จะมารับศพหลังจากระยะเวลาดังกล่าว ก็สามารถดำเนินการร้องขอได้เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ทางสถาบันฯ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้เสียชีวิตทันที