‘พิธา’ หลบสื่อ ถก 8 พรรคร่วม ประเมินสถานการณ์การเมือง ไทม์ไลน์ตั้งรัฐบาล
‘พิธา’ หลบสื่ออีกครั้ง นั่งหัวโต๊ะคุย 8 หัวหน้า-ตัวแทน 8 พรรคร่วม เผยจะทำเหมือนประชุมสัญจร ตั้งใจให้ถกกันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เตรียมประเมินสถานการณ์การเมือง ไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาล ‘อุ๊งอิ๊ง’ แวะทักทาย เสิร์ฟเครื่องดื่ม ‘กาแฟส้ม-มิ้นท์ช็อก’
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2566 ที่พรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม 8 พรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยมีหัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ได้แก่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม และตัวแทนจากพรรคพลังสังคมใหม่
โดยก่อนการประชุม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาประชุมที่พรรคเพื่อไทย ได้เข้าไปทักทายแกนนำ 8 พรรคร่วม โดยกล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมกับ 8 พรรค แต่มาทักทายตามมารยาทในฐานะเจ้าบ้าน พร้อมนำกาแฟส้มและมิ้นท์ช็อกจากมาเสิร์ฟให้ทุกคนได้ลองดื่ม
ส่วนวาระในการประชุมนั้น นายพิธา กล่าวว่า การประชุมจัดตั้งรัฐบาลตอนนี้เหมือนเป็นการประชุมสัญจรไปแล้ว ตั้งใจที่จะให้มีการประชุมอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เพื่อให้มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนวาระที่จะต้องมีการประชุมกันวันนี้ คือการประเมินสถานการณ์การเมือง และจะมีการพูดคุยถึง ไทม์ไลน์ตั้งรัฐบาล จากนั้นก็จะมีการติดตามผลการทำงานของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน ทั้ง 12 ชุด ว่ าพบปัญหาหรืออุปสรรคใด ควรปรับหรือเพิ่มจุดใด เพื่อให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพสูงสุด ยุทธศาสตร์รวมเสียง เพื่อผลักดันให้การเป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นก็ในช่วงท้ายก็จะเปิดโอกาสให้ทุกพรรคได้แสดงความคิดเห็นต่อการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ รวมถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ทางชั้นใต้ดิน และขึ้นลิฟต์จากชั้นใต้ดินไปห้องประชุมทันที และไม่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเช่นเดียวกับช่วงเช้าเมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) โดยสื่อมวลชนจำนวนมาก รอสอบถามถึงกรณีการถือหุ้นสื่อมวลชน หลังจาก กกต. เริ่มพิจารณาคำร้องดังกล่าว และมีการตั้งประเด็นว่านายพิธารู้ตัวอยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ แต่ยังคงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.