'ธนาธร' เปิดตัว 'ทีมก้าวหน้า' ลงเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ชูธงรัฐสวัสดิการ
'ธนาธร' เปิดตัวหนุน 'ทีมประกันสังคมก้าวหน้า” 7 คน นำโดย 'ษัษฐรัมย์' ส่งตัวแทนผู้ใช้แรงงานครอบคลุม หลากหลายสาขาอาชีพ ลงเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ชูนโยบายสวัสดิการครอบคลุม วางรากฐานสู่รัฐสวัสดิการถ้วนหน้า
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 ที่ทำการคณะก้าวหน้า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวเปิดตัว “ทีมประกันสังคมก้าวหน้า” ซึ่งมีตัวแทนผู้ใช้แรงงานจากทุกสาขาอาชีพ ในฐานะทีมพันธมิตรคณะก้าวหน้า เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ฝ่ายผู้ประกันตน ในวันที่ 24 ธันวาคม 2566 นี้
โดยนายธนาธร กล่าวถึงความเป็นมาของกองทุนประกันสังคมว่า กองทุนดังกล่าวมีความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงาน การเกิดขึ้นมาเกี่ยวพันกับระบอบประชาธิปไตย มีการเรียกร้องครั้งแรกในปี 2495 ในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่กฎหมายไม่ผ่าน ต่อมาถูกนำเสนออีกรอบในปี 2507 และไม่ผ่านอีกครั้ง จนกระทั่งปี 2533 ภาคประชาสังคมสามารถกดดันและสร้างระบบประกันสังคมขึ้นมาได้ในประเทศไทย แม้ สว. ในสภาจะไม่เห็นด้วย ด้วยมติ 105:66 แต่ สส. ที่มาจากการเลือกตั้งก็ผลักดันให้เกิดขึ้นได้ จนเป็นจุดเริ่มต้นระบบประกันสังคมในไทย
นายธนาธร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมขยายใหญ่ขึ้นจนมีเงิน 2.2 ล้านล้านบาท จนกระทั่งการรัฐประหารปี 2557 ทำให้มีการยกเลิกตัวแทนลูกจ้างที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมผ่านระบบสหภาพ วันนี้จึงเป็นวันแรกในประวัติศาสตร์ ที่สัดส่วนของลูกจ้างในบอร์ดประกันสังคมจะมาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาระบบประกันสังคมมีหลายมาตรฐานและไม่ครอบคลุมผู้ประกันตนที่ทำงานหลากหลาย โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด ดังนั้น บอร์ดประกันสังคมจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนากองทุนและยกระดับสวัสดิการ วางรากฐานให้รัฐสวัสดิการต่อไป
ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวด้วยว่า ทีมประกันสังคมก้าวหน้า ซึ่งส่งผู้สมัครเบอร์ 27-33 เป็นพันธมิตรร่วมกัน ที่ยึดถือคุณค่าแบบเดียวกัน เน้นเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียม ประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมของประชาชน ธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็นทีมที่มีความหลากหลาย เชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการเสนอรูปแบบสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนก้าวหน้าเท่าเทียมและครอบคลุมแรงงานทุกกลุ่ม พร้อทเชิญชวนผู้ประกันตนไปใข้สิทธิ์เลือกตั้งกันในวันที่ 24 ธันวาคมนี้
ส่วน นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ตัวแทนทีมประกันสังคมก้าวหน้า หนึ่งในผู้สมัคร กล่าวว่า ประกันสังคมคือสวัสดิการที่คนธรรมดาฝันถึง เมื่อก่อนนี้สวัสดิการเคยเป็นเรื่องของกลุ่มคนเล็กๆ แต่การต่อสู้ของชนชั้นแรงงานที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ ทำให้คนงานโรงงานเย็บผ้า คนงานที่ขันน็อตในโรงงาน แรงงานที่อพยพทิ้งนาจากบ้านเกิดคิดฝันเรื่องของการมีสวัสดิการที่ดีได้ ตลอด 33 ปีที่ผ่านมา ประกันสังคมมีปริมาณเงินสะสมจำนวนมาก แต่สิ่งที่ยังเห็นคือแม่ยังต้องกู้นอกระบบมาจ่ายค่านม พ่อยังต้องทำโอทีมาเป็นค่าคลอด คนป่วยเป็นโรคไตต้องสำรองจ่ายเงิน คนรักษามะเร็งมีเพดานการรักษา 50,000 บาทต่อปี คนทำงานที่บาดเจ็บไม่สามารถรักษาฟื้นตัวระยะยาวได้ คนแก่เกษียณไม่ได้เพราะบำนาญไม่เพียงพอ
นายษัษฐรัมย์ กล่าวอีกว่า สาเหตุหลักคือประกันสังคมตกต่ำลงไปพร้อมกับประชาธิปไตยของประเทศนี้ การรัฐประหารทำให้ประกันสังคมมีลักษณะอำนาจนิยม และเป็นแหล่งทุนอุปถัมภ์เฉพาะกลุ่ม การลงทุนขาดความโปร่งใส แทนที่จะสามารถนำงบประมาณมาปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของคนทั่วไปได้ นอกจากนี้ บอร์ดประกันสังคมถูกแต่งตั้งโดยฝั่งอำนาจนิยมยาวนานกว่า 9 ปี และก่อนหน้านี้ระบบการเลือกก็ผ่านระบบอุปถัมภ์มากมาย ประกันสังคมแปรสภาพจากกองทุนสวัสดิการที่ก้าวหน้าที่สุดเมื่อหลายสิบปีก่อน กลายเป็นกองทุนสวัสดิการที่ล้าหลังที่สุด
“เราคือตัวแทนของกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ผู้ปรารถนาสังคมที่เสมอภาค ไม่เคยคุกเข่าค้อมหัวประนีประนอมกับทุนผูกขาดและเผด็จการ เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และการสร้างรัฐสวัสดิการ ประกันสังคมก้าวหน้าจะเป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นถึงก้าวแรกของรัฐสวัสดิการ” นายษัษฐรัมย์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.นลัทพร ไกรฤกษ์ อีกหนึ่งผู้สมัคร กล่าวถึงนโยบายของทีมประกันสังคมก้าวหน้าว่าแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม และ ส่วนการปรับโครงสร้างให้เป็นประชาธิปไตย โดยการปรับโครงสร้างจะทำให้กองทุนโปร่งใสและมีความมั่นคงมากขึ้น ทีมประกันสังคมก้าวหน้า พร้อมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ที่เพิ่มสิทธิลาคลอด 180 วันที่ต้องใช้แหล่งเงินจากประกันสังคม และเพิ่มเงินสำหรับการคลอดบุตรจาก 15,000 เป็น 20,000 บาท
น.ส.นลัทพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงขึ้น การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งจึงมีต้นทุนพื้นฐานไม่น้อยกว่า 3,000 บาท ทีมประกันสังคมก้าวหน้าจึงต้องการเพิ่มเงินสงเคราะห์เด็ก 0-6 ปี จาก 800 บาทเป็น 1,200 บาท และเพิ่มเติมในกลุ่มอายุ 7-12 ปี ที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นปีละ 7,200 บาท เพื่อเป็นหลักประกันในการป้องกันเด็กหลุดจากระบบการศึกษาและเป็นหลังพิงสำหรับช่วงเวลาที่ค่าใช้จ่ายครัวเรือนสูงขึ้น รวมถึงเพิ่มเงินชดเชยการลา 300 บาทต่อวัน สูงสุด 1,500 บาทต่อปี และมีการคำนวณบำนาญที่เป็นธรรมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนทำงานก่อนการเกษียณ
น.ส.นลัทพร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทีมประกันสังคมพร้อมเสนอนโยบายสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 2 ล้านบาทเป็น 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงเดิมคือร้อยละ 1.99 เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยสอดคล้องกับความต้องการของตัวเองได้ และเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนพิการ ยังมีสิทธิประโยชน์สำหรับแรงงานอิสระ ทุกคนในวัยทำงานต้องมีหลักประกันสังคม ที่เรียกว่า ประกันสังคมถ้วนหน้า เหมือนรัฐซื้อประกันให้ทุกคน ยืนพื้นเป็นหลักประกันสำหรับคนวัยทำงาน และสิทธิด้านการรักษาพยาบาล มุ่งหน้าสู่การรักษาพยาบาลด้วยบัญชียาเดียวกัน รักษามะเร็งได้ทุกที่ไม่กำหนดเพดาน เช่นเดียวกับสิทธิทันตกรรม สิทธิประกันสังคมต้องไม่น้อยกว่าสิทธิ 30 บาท
ขณะที่ น.ส.ธนพร วิจันทร์ หนึ่งในผู้สมัครทีมประกันสังคมก้าวหน้า ได้เสริมถึงนโยบายที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับพี่น้องแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นแรงงานที่ขับเคลื่อนประเทศ ให้สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ในการทำงาน โดยทีมประกันสังคมก้าวหน้ายืนยันว่าจะมีนโยบายให้บอร์ดประกันสัังคมงดดูงานต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี เพราะข้อมูลต่างๆ เพียงพอต่อการขยายสวัสดิการเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้การลงทุนต่างๆ ของกองทุนต้องโปร่งใส มีหลักเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามหลักการ “งานที่มีคุณค่า” พร้อมกับเชิญชวนผู้ประกันตนที่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิในวันที่ 24 ธันวาคม 2566 นี้
สำหรับรายชื่อ หมายเลข และประวัติโดยสังเขปของผู้สมัครทีมประกันสังคมก้าวหน้า มีดังนี้
เบอร์ 27 ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี พนักงานมหาวิทยาลัยจากธรรมศาสตร์ ผู้มีประสบการณ์ด้านงานวิจัยด้านสวัสดิการ ประกันสังคมและการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้ใช้แรงงาน ทำงาน มีแม่ที่ไม่สบาย มีภรรยาที่ตั้งครรภ์ กำลังจะมีลูกที่ได้รับเงินสงเคราะห์บุตร มีความปรารถนาให้ประกันสังคมเป็นเครื่องยืนยันศักดิ์ศรีของแรงงานทุกคน
เบอร์ 28 ศิววงศ์ สุขทวี นักเคลื่อนไหวขับเคลื่อนประเด็นสิทธิของผู้คนกลุ่มต่างๆ ทำงานร่วมกับแรงงานข้ามชาติ ผู้ถูกกดขี่ ผู้ลี้ภัย เห็นส่วนที่บกพร่องที่สุดของประกันสังคม เป็นคนที่คลุกคลีอยู่กับปัญหาและความเหลื่อมล้ำของสวัสดิการต่างๆ มาทั้งชีวิต
เบอร์ 29 ชลิต รัษฐปานะ นักจัดตั้งแรงงานรุ่นใหม่ มีส่วนสำคัญในการประยุกต์สื่อและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้าสู่ขบวนการแรงงานและการออกแบบการสื่อสาร เป็นตัวแทนแรงงานในอุตสาหกรรมใหม่
เบอร์ 30 ธนพงษ์ เชื้อเมืองพาน ประธานกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิต ซึ่งเป็นนิคมขนาดใหญ่ที่สร้างมูลค่ามหาศาลแก่ประเทศนี้ ยืนหยัดให้ขบวนการแรงงานไม่ตกต่ำ ร่วมต่อสู้กับฝั่งประชาธิปไตยมาตลอด
เบอร์ 31 นลัทพร ไกรฤกษ์ ใช้ชีวิตบนวีลแชร์ทั้งชีวิต เป็นกระบอกเสียงให้แก่คนจำนวนนับล้านในประเทศนี้ ผ่านการทำงานด้านสื่อมวลชน บทบาทของเธอไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อสิทธิของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เธอปรารถนาให้มีสวัสดิการที่ดีที่สุดถ้วนหน้าสำหรับทุกคนอย่างไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน
เบอร์ 32 ลักษมี สุวรรณภักดี ทำงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ผลิตเสื้อคลุมอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อให้การรักษาผู้คนที่เจ็บป่วยเป็นไปอย่างราบรื่น ทำงานตั้งแต่อายุ 19 ปี ในอุตสาหกรรมที่กดขี่ไม่เป็นธรรม เธอต่อสู้ด้วยเสียงของคนธรรมดา และวันนี้อาสาเพื่อทำให้สวัสดิการของคนธรรมดาทั้งสังคมดียิ่งขึ้น
เบอร์ 33 ธนพร วิจันทร์ ผู้ริเริ่มการรวมตัวของทีมประกันสังคมก้าวหน้า เป็นนักต่อสู้ในขบวนการแรงงาน ถูกเลิกจ้าง ถูกดำเนินคดี แต่ก็ยืนยันทำทุกอย่างเพื่อความเป็นธรรม แม้แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ธนพรยังต้องอุทธรณ์สิทธิในการสมัครของตัวเอง เพราะการถูกเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แม้จะชนะคดีแล้วก็ตาม