'รัฐบาล' ตีปี๊บ'นายกฯ' ดันส่งออกสินค้าคลายร้อน อันดับ 1 อาเซียน Top 10 ของโลก

'รัฐบาล' ตีปี๊บ'นายกฯ' ดันส่งออกสินค้าคลายร้อน อันดับ 1 อาเซียน Top 10 ของโลก

ผลสำเร็จมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ "นายกฯ" ดันส่งออกสินค้ากลุ่มคลายร้อน อันดับ 1 อาเซียน และ Top 10 ของโลก โดย 3 เดือนแรก ปี 2567 โตต่อเนื่อง 13% สร้างมูลค่าการส่งออก 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยถึง สถิติการส่งออกสินค้าในกลุ่มสินค้าคลายร้อนของไทย ช่วงไตรมาสแรก (มกราคม – มีนาคม 2567) ที่ได้ส่งออกไปยังตลาดคู่ค้า FTA ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันจากปีก่อนหน้า มีมูลค่าการส่งออกถึง 1,269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังติดอันดับประเทศผู้ส่งออกสินค้ากลุ่มคลายร้อน อันดับที่ 1 ในอาเซียน เเละติด Top 10 ประเทศผู้ส่งออกสูงของโลกในสินค้าเกือบทุกรายการ อาทิ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ส่งออกเป็นอันดับ 3 ของโลก ไอศกรีม ส่งออกเป็นอันดับ 4 ของโลก และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ส่งออกเป็นอันดับ 6 ของโลก เป็นการดำเนินการตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต ผ่านการผลักดันการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดโลกทั้งประเภทอุปโภคและบริโภคอย่างต่อเนื่อง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเภทของสินค้าในกลุ่มสินค้าคลายร้อนของไทย ที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรก อาทิ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป มีมูลค่าการส่งออก 199 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 32% ครีมทาผิวที่รวมถึงครีมกันแดด มีมูลค่าการส่งออก 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 44% แว่นตากันแดด มีมูลค่าการส่งออก 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 42% พัดลม มีมูลค่าการส่งออก 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 3% และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มีมูลค่าการส่งออก 809 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 6% โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย

นายชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งส่งเสริมและเพิ่มโอกาสการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยใช้ประโยชน์จากการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้า รวมทั้งให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานสินค้าและการผลิตให้เป็นไปตามหลักสากล โดยกลุ่มสินค้าคลายร้อนไทย ที่ล้วนได้รับประโยชน์จาก FTA ที่ไทยมีกับ 18 ประเทศคู่ค้า เช่น 

- พัดลม ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เปรู และชิลี 

- ไอศกรีม ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 17 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ อาเซียน จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี เปรู และฮ่องกง 

- แว่นตากันแดด และ ครีมกันแดด ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 17 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี และฮ่องกง 

- เครื่องปรับอากาศ และส่วนประกอบ ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 16 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง 

- ผลไม้กระป๋อง และ ผลไม้แปรรูป ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 15 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง

“ผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญต่อการส่งออกไทย เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจ เเละเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก โดยรัฐบาลได้เดินหน้าผลักดัน FTA อย่างต่อเนื่องกับหลายประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการส่งออก เพิ่มมูลค่าการค้า ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ตลอดจนส่งเสริมการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค พร้อมนำเสนอสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักแก่สายตาชาวโลก เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับประเทศ” นายชัย กล่าว