ไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย'เบลล์ 212'ดิ่งพสุธา

ไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย'เบลล์ 212'ดิ่งพสุธา

(รายงาน) โพสต์สุดท้ายจ่าอนันต์ "ฮ.เก่า นักบินใหม่" ไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย "เบลล์ 212" ดิ่งพสุธา

การโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียของ จ.ส.อ.อนันต์ ชมเชียงคำ ที่ว่า "ได้เวลาเย้ยฟ้า ท้าลมหนาว อีกแล้ว...ฮ.เก่า นักบินใหม่...อากาศปิด ประตูนรกเปิด" ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์ 212 (ฮ.ท.212) ของกองทัพบก (ทบ.) ประสบเหตุตกที่ จ.พะเยา เมื่อบ่ายวันที่ 17 พ.ย. ทำให้นายทหารระดับรองแม่ทัพภาคที่ 3 เสียชีวิตพร้อมลูกน้อง นักบิน และช่างเครื่อง รวมทั้ง จ.ส.อ.อนันต์ ด้วยนั้น

ทำให้กระแสสังคมพุ่งเป้าสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกจนเกิดความสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งของกองทัพบกไทยไปใน 3 ประเด็น คือ สมรรถนะของเฮลิคอปเตอร์, ประสบการณ์ของนักบิน และสภาพอากาศ

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในกองทัพหลายราย ระบุตรงกันว่าการหาสาเหตุที่ทำให้อากาศยานตกนั้น ไม่ควรคาดเดาล่วงหน้า เพราะต้องอาศัยการทำงานของมืออาชีพอย่างคณะกรรมการนิรภัยการบิน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ

แหล่งข่าวจากกองทัพบก กล่าวว่า ขั้นตอนการปฏิบัติของกองทัพนั้น เมื่อจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์แต่ละลำ จะมีการตั้งงบประมาณสำหรับซ่อมบำรุงเอาไว้ควบคู่กันเสมอ มีการจัดตารางการใช้งานและกำหนดวาระที่ต้องปรนนิบัติบำรุงเครื่องยนต์ตลอดอายุการใช้

ส่วนในแง่ของนักบินประจำเครื่อง ทราบว่ามีนายทหารระดับร้อยเอกเป็นนักบินผู้ช่วย อาจมีประสบการณ์น้อยจริงตามที่มีเสียงวิจารณ์ แต่สำหรับ พ.ท.มานิต สุรเสนา นักบินที่ 1 ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น เชื่อมั่นในประสบการณ์และความสามารถ แม้จะไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แต่การเติบโตของทหารนักบินระดับพันโท มั่นใจได้เลยว่ามีความชำนาญเรื่องเครื่องยนต์และมีชั่วโมงบินสูงอย่างแน่นอน

"การเป็นนักบินของกองทัพบกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านการทดสอบก่อนเข้าเรียนโรงเรียนการบิน และสะสมชั่วโมงบินจนสามารถเป็นนักบินที่ 1 ได้ ทำให้ทักษะเรื่องเครื่องยนต์บวกกับประสบการณ์ต้องสูงมาก ฉะนั้นคำว่ามือใหม่ไม่ใช่สาเหตุแน่นอน"

สำหรับสภาพอากาศ แหล่งข่าวบอกว่า ไม่น่าเป็นสาเหตุ เพราะนักบินที่มีประสบการณ์จะรู้ความเหมาะสมของสภาพอากาศระหว่างการขึ้นบิน ยิ่งเป็นนักบินที่ประจำการหน่วยบินเป็นเวลานาน ต้องเจอสภาพอากาศปิดระหว่างทำการบิน จะรู้เส้นทางหลบหลีกได้ เพราะมีความชำนาญในเส้นทางการบินนั้นๆ

ขณะที่แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญในกองทัพอีกราย ชี้ว่า สาเหตุที่ทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกไม่ได้เกิดจากตัวนักบิน หรือมาจากอายุการใช้งานของอากาศยานแน่นอน เพราะนักบินที่ 1 มีประสบการณ์มากมายมหาศาล ไม่มีอะไรน่าสงสัยในความสามารถของนักบินท่านนี้

ส่วนการโพสต์ข้อความของ จ.ส.อ.อนันต์ นั้น จากการตรวจสอบทราบว่าประจำอยู่ที่แผนกยุทธโยธา มีภารกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง ซ่อมแซมอาคาร สิ่งปลูกสร้าง และสาธารณูปโภค ซึ่งในวันที่ประสบอุบัติเหตุ ทหารนายนี้ติดตาม พล.ต.ทรงพล ทองจีน รองแม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อไปตรวจสอบงานก่อสร้างที่กองทัพว่าจ้างเอาไว้ว่าตรงตามสเปคที่กำหนดไว้หรือไม่

"เป็นประโยคที่โพสต์ไว้บนโลกออนไลน์ที่มาจากทหารซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ด้านการบิน ผู้โพสต์อาจไม่เข้าใจและไม่ทราบข้อเท็จจริง" แหล่งข่าวระบุ

ผู้เชี่ยวชาญจาก ทบ.ยังกล่าวถึงอายุการใช้งานของเฮลิคอปเตอร์ลำที่ประสบอุบัติเหตุว่า ตรวจสอบเบื้องต้นจากหมายเลขประจำเครื่อง "903" ทราบว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ล็อตเดียวกับที่ ทบ.จัดซื้อมาจากประเทศสิงคโปร์ เพื่อเข้าประจำการที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ) ในปี 2539 โดยนักบินสิงคโปร์และนักบินไทยได้ขับเฮลิคอปเตอร์ลำนี้จากประเทศสิงคโปร์บินมาส่งมอบถึงกรม ซึ่งตัวเครื่องยนต์ระบุไว้ว่า ผ่านการใช้งานมาเพียง 50 ชั่วโมงบินเท่านั้น

หลังปรับโครงสร้างหน่วยบินใน ทบ. จึงได้ย้ายเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ไปประจำการที่ศูนย์การบินกองทัพบก จ.ลพบุรี ในปี 2552 หากนับอายุการใช้งานตั้งแต่เข้าประจำการ เฮลิคอปเอตอร์ลำนี้ยังไม่ถือว่าเก่า

"ไม่ว่าอากาศยานจะเก่าแค่ไหน หรือเพิ่งบรรจุเข้าประจำการ ก็มีโอกาสประสบอุบัติเหตุได้ทั้งสิ้น ฉะนั้นควรหาสาเหตุที่ชัดเจนเพื่อนำมาเป็นแนวทางป้องกันจะดีกว่า และทุกฝ่ายควรรอให้คณะกรรมการนิรภัยการบินเป็นผู้สรุปเท่านั้น"

สำหรับข้อมูลเฮลิคอปเตอร์ รุ่น เบลล์ 212 ทวิน ฮิวอี้ เป็นเฮลิคอปเตอร์สำหรับกองทัพขนาดกลาง เป็นอากาศยานปีกหมุน 2 ใบพัด 2 เครื่องยนต์ ถูกพัฒนามาจากโครงสร้างของ เบลล์ 205 และเบลล์ 204 ที่เป็นเครื่องยนต์เดี่ยว โดยความร่วมมือกันระหว่างบริษัทเบลล์ เฮลิคอปเตอร์ ของสหรัฐ กับบริษัทแพรตแอนด์วิทนีย์ ของแคนาดา เปิดตัวครั้งแรกในช่วงสงครามเวียดนาม

อย่างไรก็ดี ในช่วงนั้นกองทัพสหรัฐไม่เคยมีคำสั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ เนื่องจากติดเงื่อนไขในสภาคองเกรสที่จะอนุมัติการซื้อเฮลิคอปเตอร์เฉพาะที่สหรัฐเป็นผู้สร้างเครื่องยนต์เองเท่านั้น กระทั่งมีการดัดแปลงเครื่องยนต์จนเข้าเงื่อนไขดังกล่าว จึงมีการสั่งซื้อเบลล์ 212 จำนวน 294 ลำ ภายใต้ชื่อ ยูเอช-1เอ็น ไอโรควอยส์ และเริ่มใช้ในกิจการทหารอย่างแพร่หลาย ขณะที่คนอเมริกันกลับไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่กลับเรียกติดปากว่า "ฮิวอี้"

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ ฮ.ท.212 ที่ประสบอุบัติเหตุ มีอัตราบรรจุอยู่ในกองบินปีกหมุนที่ 3 จำนวน 17 ลำ จัดอยู่ในประเภทเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ขนาด 14 ที่นั่ง มีน้ำหนักเปล่า 2,753 กิโลกรัม สามารถบรรทุกได้ 2,847 กิโลกรัม 2 เครื่องยนต์ ให้กำลังรวม 1,800 แรงม้า มีความเร็วในการเดินทางปกติ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วสูงสุด 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถบินได้ไกลถึง 420 กิโลเมตร