"ผู้แทนพระองค์" วางพวงมาลา "วันทหารผ่านศึก" สดุดีวีรกรรมทหารกล้า
"ในหลวง" ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ “พล.อ.สุรยุทธ์” ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา วันทหารผ่านศึก สดุดีวีรกรรมของทหารหาญ ด้านนายกฯ ฝากคำปราศรัยเชิดชูทหารกล้า ยกย่องวีรกรรม เชิดชูเกียรติ
3 ก.พ.2565 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) เป็นประธานพิธีจุดตะเกียงโบราณ ประธานพิธีจุดตะเกียงตามประทีปดวงวิญญาณ และสักการะอัฐิ ณ ห้องจารึกชื่อผู้เสียสละชีพเพื่อชาติ ภายในอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2565 ก่อนดำเนินการพิธีวางพวงมาลาของหน่วยงานราชการต่างๆ สมาคม ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ตลอดจนทหารผ่านศึกทุกสมรภูมิ
ในเวลา 09.30 น. เพื่อสดุดีวีรกรรมและระลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญ ความเสียสละของทหารผ่านศึกที่ได้สละเลือดเนื้อแม้ชีวิตเพื่อบ้านเมือง สำหรับพิธีดังกล่าวได้มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมพิธี ซึ่งทุกคนต้องนำหลักฐานมาแสดง ประกอบด้วย ประวัติการฉีดวัคซีนมาแล้ว 2 เข็ม และผ่านการตรวจ ATK มาแล้วไม่เกิน 24 ชั่วโมง หรือ ผ่านการตรวจ RT-PCR มาแล้วไม่เกิน 72 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19
จากนั้นเวลา 11.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2565 เพื่อระลึกถึงและสดุดีวีรกรรมของทหารผ่านศึกในวันที่ 3 ก.พ. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยปีนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มอบหมายให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นตัวแทนร่วมพิธีแทน
ทั้งนี้ภายในงานยังได้เปิดวิดีโอคำปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ฝากมาถึงพี่น้องทหารผ่านศึกว่า “เนื่องในโอกาสที่วันทหารผ่านศึก ได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่งในวันที่ 3 ก.พ. ตนขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังพี่น้องทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการ และเพื่อนทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและรักษาความมั่นคงของชาติ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
พี่น้องทหารผ่านศึกที่รัก ท่านคือผู้เสียสละในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ด้วยความกล้าหาญ หลายท่านต้องสูญเสียเลือดเนื้อ และมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บพิการทุพพลภาพ ทำให้ประเทศไทยของเราคงความเป็นเอกราชมาได้จนถึงทุกวันนี้
วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของท่านสมควรได้รับการยกย่องและเชิดชูเกียรติให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมทั่วไป และตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะได้รักษาคุณงามความดี ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เรียนรู้สิ่งใหม่ ก้าวทันเทคโนโลยีด้วยการนำมาพัฒนาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน น้อมนำแนวพระราชดำริหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความพอประมาณ ความมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดี รวมทั้งยึดมั่นต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติของเราสืบไป ขอให้ท่านทั้งหลายได้ดำเนินชีวิตตามแบบวิถีชีวิตใหม่(NEW NORMAL) อย่างเคร่งครัดและไม่ประมาท เพื่อร่วมมือกันนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน”