“ตามรอยพ่อฯ” จับมือพันธมิตรช่วยน้ำท่วมและโควิดในจังหวัดสระบุรี
“ตามรอยพ่อฯ” จับมือพันธมิตรช่วยน้ำท่วมและโควิดในจังหวัดสระบุรี ขยายผลแคมเปญ “รวมพลังสู้โควิด-19” สู่การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก
โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) ปี 9 นำโดยบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และพันธมิตร ขยายผลแคมเปญ “รวมพลังสู้โควิด-19” จากการรับมือวิกฤตโควิด-19 สู่การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในลุ่มน้ำป่าสักพื้นที่ จ.สระบุรี โดยร่วมกับศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สวนล้อมศรีรินทร์ และศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา โคกนาศัย ด้วยการส่งมอบชุดยังชีพ น้ำสมุนไพร 7 นางฟ้า และชุดดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยสีเขียวที่พักรักษาตัวที่บ้าน หรือกล่องกรีนบ็อกซ์ ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังความสามัคคีของเครือข่ายลุ่มน้ำป่าสัก ที่นอกจากจะสามารถพึ่งตนเองได้ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น ยังเป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นในภาวะวิกฤตได้อีกด้วยสู้ทุกวิกฤตด้วยศาสตร์พระราชาและพลังสามัคคี
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติกล่าวว่า “ขณะที่วิกฤตโรคระบาดจากไวรัสโควิด-19 ยังไม่ทันผ่านพ้นไป ก็เกิดอุทกภัยใหญ่ขึ้นมาอีก สร้างผลกระทบแก่ประชาชนกว่า 300,000 ครัวเรือนใน 32 จังหวัด ซึ่งเป็นสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานข้อความเตือนสติคนไทยผ่าน ส.ค.ส. ปี พ.ศ. 2547 ที่ว่า ’สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย’ พร้อมทรงวาดภาพระเบิด 4 ลูกล้อมรอบประเทศไทยอยู่ ซึ่งถึงวันนี้ประจวบเหมาะพอดีกับสถานการณ์ปัจจุบัน ระเบิด 4 ลูก หมายถึงวิกฤต 4 ด้านที่เรากำลังเผชิญอยู่ คือ วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โรคระบาด ภัยแล้ง หมอกควัน วิกฤตด้านเศรษฐกิจ วิกฤตด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม และวิกฤตด้านการเมือง จะเห็นได้ว่าทรงคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ทรงเตือนคนไทยล่วงหน้าหลายปีเพื่อให้เตรียมพร้อมระวังภัย และได้พระราชทานศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้คนไทยปฏิบัติเพื่อพึ่งพาตัวเองได้และใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเพื่อเป็นทางรอดจากทุกวิกฤตดังกล่าว
โดยเฉพาะลุ่มน้ำป่าสักมีความลาดชันสูง จัดการยาก โครงการจึงเร่งรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักหาวิธีเก็บน้ำไว้ใช้ในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นตุ่ม แท็งก์ ปลูกไม้ใหญ่เพราะรากไม้จะช่วยขุดดินลึกลงไปหลายสิบเมตร เป็นแหล่งเก็บน้ำตามธรรมชาติอย่างดี ใครมีที่ดินก็ทำโคกหนองนา ขุดบ่อขุดหนองและนำดินมาถมให้สูงเป็นโคกเพื่อทำที่อยู่อาศัย ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ในหนองก็ปลูกข้าว เลี้ยงปลา จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ก็ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า พื้นที่โคกหนองนาตามศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำให้คนสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีพื้นฐานปัจจัย 4 ครบ ทั้งอาหาร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ทำให้คนมีฐาน 4 พอที่มั่นคง คือ พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น และยังสามารถแบ่งปัน สร้างรายได้ เป็นการสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไร ก็สามารถอยู่รอดและยังช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย”