นโยบายรัฐบาลกระตุ้นความเชื่อมั่น หนุนดีมานด์ที่อยู่อาศัยเชียงใหม่คึกคัก
อรสิรินหวังนโยบายรัฐบาลกระตุ้นความเชื่อมั่นการลงทุน-ท่องเที่ยวเชียงใหม่คึกคัก หนุนดีมานด์ที่อยู่อาศัยจากชาวไทย-ต่างชาติ แย้มไตรมาส4เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 2 แห่ง พร้อมต่อยอดธุรกิจสร้างรายได้ประจำเพิ่มสร้างผลงาน
นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) เผยว่า ความชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นโยบายการท่องเที่ยว การลงทุน สร้างความเชื่อมั่นการลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ยังคงได้รับความนิยมจากชาวไทยกลุ่มคนในพื้นที่ และกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่แต่ต้องการมีที่พักอาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงชาวต่างชาติ อาทิ เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น เมียนมา
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2566 บริษัทเดินหน้าทำการตลาดทุกโครงการอย่างต่อเนื่องตามแผนการระดมทุนโดยเตรียมเปิดตัวโครงการแนวราบจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทาวน์โฮม อรสิริน วิลล์ โชตนา และ โครงการบ้านเดี่ยว อรสิริน วิลล์ ท่ารั้ว มูลค่าโครงการรวม 674.98 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพติดถนนเส้นหลัก ซึ่งเป็นที่ดินเดิมของ ORN ที่มีต้นทุนต่ำ จะช่วยให้บริษัทรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่สูง อีกทั้งยังคงมองหาโอกาส ต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจในภาคเหนือและภูมิภาคอื่น อาทิ โรงเรียน โรงแรม Community Mall ทั้งนี้ อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มเติม ผลักดันให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้เช่า 902.29 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายและให้เช่า 812.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.09 % และมีกำไรสุทธิ (บริษัทใหญ่) 167.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ (บริษัทใหญ่) 121.44 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 37.71% ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 3/2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้เช่า 204.51 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ (บริษัทใหญ่) 42.83 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทปรับตัวอยู่ในระดับที่ดี เป็นผลมาจากการขายและการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแอสตร้า สกายริเวอร์ โครงการประเภทคอนโดมิเนียมแนวสูงขนาดใหญ่ของกลุ่มบริษัท และการรักษาระดับการรับรู้รายได้จากโครงการแนวราบอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทมีความสามารถทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 48.11% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18.57%
นอกจากนี้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มูลค่ารวมประมาณ 519.80 ล้านบาท จากโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย แบ่งสัดส่วนเป็นโครงการแนวสูง จำนวน 376.08 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ อะไรซ์ เจริญ เมือง , โครงการแอสตร้า สกายริเวอร์ , โครงการเดอะ เน็กซ์ เจ็ดยอด 2 ,เดอะ เน็กซ์ รวมโชค - ซิตี้ ฮอลล์ 1 และโครงการแนวราบจำนวน 143.72 ล้านบาท ได้แก่ โครงการฮาบิแทท ซุปเปอร์ไฮเวย์ ,บีลีฟ วงแหวน-สันกำแพง , บีลีฟ รวมโชค รวมถึงโครงการอื่นๆ คาดว่าจะมียอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ในช่วงไตรมาส 4/2566 ผลักดันให้รายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 1,400 ล้านบาท