ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ตายหนัก! พบเสียชีวิต 38 ราย ติดเชื้อเพิ่มอีก 2,230 ราย
ยอด "โควิด-19" วันนี้ ต้องติดตาม หลังพบผู้เสียชีวิตอีก 38 ราย ติดเชื้อเพิ่มอีก 2,230 ราย ทำให้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยิ่งลุกลามต่อเนื่อง และต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 1 มิ.ย. 64 ภาพรวมของการระบาดยังต้องคอยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 2,230 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,153 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 77 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 154,307 ราย อีกทั้งยีงมียอดผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง
โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 38 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 มียอดผู้เสียชีวิตสะสมสูงถึง 975 รายแล้ว ขณะที่ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 1,069 ราย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานถึงกลุ่มคนไข้อาการหนักที่มีมีอาการปอดอักเสบที่น่าวิตกอีกนับพันรายจากทั่วประเทศ
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 64 ถึง 1 มิ.ย. 64 พบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 2,230 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ มีผู้ติดเชื้อสะสมไปแล้ว 133,159 ราย
สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถสรุปจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ. - 30 พ.ค. 2564 รวม 3,609,882 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 : 2,498,929 ราย (จำนวนผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด)
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 : 1,110,953 ราย (จำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์)
โดยที่ผ่านมา ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ย้ำถึงความสำคัญของวัคซีนโควิด-19 ที่อนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน พบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงน้อยกว่า 10 รายต่อ 1 ล้านเข็ม สามารถลดการเจ็บป่วยที่รุนแรง เพื่อนำไปสู่การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ วัคซีนโควิด-19 ที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่ได้รับการฉีดเร็วที่สุด
ขณะนี้ วัคซีนโควิด-19 หลักที่มีอยู่ในปัจจุบันคือ ซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า สำหรับวัคซีนหลัก หากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน ภายในสิ้นปีนี้ ไทยจะมีวัคซีนจาก 2 เจ้านี้รวมกันอย่างน้อย 70 ล้านโดส แบ่งเป็นซิโนแวคที่จะนำเข้าจากจีน 9 ล้านโดส และแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตเองในประเทศอีก 61 ล้านโดส (ไม่รวมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 117,000 โดสเมื่อต้นปี)
ขณะที่วัคซีนทางเลือก จะแบ่งออกเป็น 2 ทาง
1. ดำเนินการโดยรัฐ ให้ประชาชนฉีดฟรี
2. จำหน่ายโดยเอกชน ประชาชนออกค่าใช้จ่ายเอง
วัคซีนทางเลือกที่ดำเนินการโดยรัฐขณะนี้มีอยู่ 4 ราย ได้แก่ ไฟเซอร์ ซึ่งมีแผนนำเข้า 20 ล้านโดสภายในสิ้นปี, จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (10 ล้านโดส) ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไปแล้ว และอีก 2 รายที่รอ อย. รับรองอยู่ อย่าง สปุตนิกวี ซึ่งมีแผนนำเข้า 20 ล้านโดส และรายล่าสุดคือ ซิโนฟาร์ม ซึ่งยังไม่สรุปตัวเลขนำเข้าอย่างเป็นทางการ เมื่อนับรวมวัคซีนทางเลือกเหล่านี้ ไทยจะมีวัคซีนเพิ่มอีกอย่างน้อย 55 ล้านโดส
นั่นหมายความว่า ภายในสิ้นปีนี้ คนไทยจะมีวัคซีนทั้งตัวหลักและตัวเลือก รวมกันอย่างน้อย 125 ล้านโดส
"การประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ" เมื่อ วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ได้เห็นชอบใน 3 ประเด็นหลักเกี่ยวกับการจัดการวัคซีนโควิด-19 คือ
- เพิ่มจำนวนวัคซีนจากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565
- เร่งทำงานเชิงรุกเพื่อให้การเจรจาจัดซื้อวัคซีนให้คืบหน้ารวดเร็ว ซื้อให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสรับวัคซีนที่ครอบคลุมการกลายพันธุ์ของโควิด-19 หรือ สายพันธุ์อื่นๆ
- การปรับแนวทางการฉีดวัคซีนให้ปูพรมฉีดเข็มแรกให้เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด
- สำหรับ แผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ปูพรมให้ประชาชน ที่จะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้จะทำผ่าน 3 ช่องทาง
- กลุ่มที่มีการลงทะเบียนผ่านแอพลิเคชั่นหรือ ไลน์แอด หมอพร้อม
- การจัดขอเข้ารับวัคซีนเป็นกลุ่มหมู่คณะ เช่น ในโรงงาน หรือ สถานประกอบการขนาดใหญ่
- เปิดให้ประชาชนทั่วไปฉีดได้เลย โดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า ตามจุดบริการต่างๆ
อีกทั้งยังมีการแบ่งสัดส่วนของการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน แบ่งเป็นสูตร 30 : 50 : 20 คือ
- การนัดหมายผ่าน LINE แอดหมอพร้อมหรือแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม ร้อยละ 30
- กลุ่มประชาชนที่ทางโรงพยาบาลประสานร้อยละ 50
- ผู้ที่เดินทางเข้ารับวัคซีนด้วยตนเองโดยมิได้นัดหมายร้อยละ 20