We, Robot เทสลาปักธงสู่อาณาจักร AI และหุ่นยนต์
เทสลาเปิดตัว ‘Cybercab’ แท็กซี่ไร้คนขับในกลุ่ม Robotaxi พร้อมทั้งโชว์ศักยภาพของ Robovan รถโดยสารอัตโนมัติ และ Optimus หุ่นยนต์มนุษย์รุ่นที่ 2 ภายในงาน We, Robot เปิดตัวผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์เอไอ
เทสลา (Tesla) บริษัทยานยนต์ไฟฟ้าจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ “We, Robot” โดยมีอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลาเป็นผู้นำเสนอวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยยานพาหนะไร้คนขับ และหุ่นยนต์อัจฉริยะ
ภายในงาน ผู้เข้าร่วมต่างได้สัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการทดลองนั่ง Cybercab แท็กซี่ไร้คนขับ หรือการชมการสาธิตความสามารถของ Optimus หุ่นยนต์มนุษย์ที่เต้นรำและเสิร์ฟเครื่องดื่ม
We, Robot จึงไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศศักดาของเทสลาว่าพวกเขาไม่ใช่เพียงบริษัทผลิตรถยนต์อีกต่อไป แต่กำลังขยับขยายเทสลาสู่ยุคหุ่นยนต์และเอไออย่างแท้จริง
Cybercab แท็กซี่ไร้คนขับแห่งอนาคต
เริ่มต้นกับการเปิดตัว “Cybercab” รถแท็กซี่ไร้คนขับในกลุ่ม Robotaxi ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในเมืองโดยเฉพาะ Cybercab มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัย ตัวถังสีเงิน ประตูเปิดแบบปีกผีเสื้อ และที่สำคัญคือไม่มีพวงมาลัยหรือแป้นเหยียบใดๆ ภายในห้องโดยสาร
Cybercab รองรับผู้โดยสารได้ 2 คน ใช้ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย (Inductive charging) ควบคุมการทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ คาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 2026 - 2027 โดยมีราคาจำหน่ายต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1 ล้านบาท)
มัสก์ กล่าวว่า เทสลาได้นำ Cybercab มาทั้งหมด 21 คัน พร้อมกับรถยนต์ไร้คนขับอีก 29 คัน รวมเป็น 50 คัน เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองนั่งภายในบริเวณสตูดิโอ
ถัดมาคือ “Robovan” รถโดยสารอัตโนมัติเพื่อการขนส่งมวลชน ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 20 คน Robovan ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งที่ต้องการความจุสูง เช่น การรับส่งทีมกีฬา หรือสามารถดัดแปลงเป็นรถขนส่งสินค้าได้
การออกแบบของ Robovan เป็นดีไซน์แบบ Pod ทันสมัย มีพื้นต่ำเพื่อความสะดวกสำหรับผู้ใช้วีลแชร์ มีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ภายในตกแต่งแบบเลาน์จ มีไฟแอมเบียนท์
“นี่คือก้าวที่สำคัญมาก หุ่นยนต์จะช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมากและลดอัตราการบาดเจ็บได้” มัสก์กล่าวเสริม
แม้ว่า Robovan จะยังอยู่ในขั้นต้นแบบและยังไม่มีกำหนดการผลิตที่แน่ชัด แต่มัสก์ระบุว่าจะเป็นส่วนสำคัญในแผนงาน “Tesla Network” ซึ่งเป็นเครือข่ายการเดินทางอัตโนมัติในอนาคต
Optimus หุ่นยนต์มนุษย์เจนเนอเรชัน 2
อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือ การแสดงความสามารถของ “Optimus” หุ่นยนต์มนุษย์รุ่นที่ 2 ของเทสลาซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำงานแทนมนุษย์ในอนาคต
คุณสมบัติของ Optimus สูงประมาณ 173 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 57 กิโลกรัม สามารถยกของได้สูงสุด 20 กิโลกรัม ใช้ระบบเอไอเดียวกับที่ควบคุมรถยนต์อัตโนมัติของเทสลา และยังเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นแรก มีความละเอียดอ่อนในการจับวัตถุเปราะบางมากขึ้น
ในงานนี้ Optimus ได้แสดงความสามารถด้วยการเต้นและให้บริการเครื่องดื่มแก่ผู้ร่วมงาน มัสก์กล่าวว่า “หุ่นยนต์ Optimus จะเดินอยู่ท่ามกลางพวกคุณ” และขอให้ผู้ร่วมงาน “ใจดีกับพวกมัน”
มุมมองและความท้าทาย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าวิสัยทัศน์ของเทสลาจะดูเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น หากแต่การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล Cybercab และ Robovan ยังต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติด้านความปลอดภัยก่อนที่จะสามารถใช้งานบนถนนสาธารณะได้
นอกจากนี้ ด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ยังเป็นประเด็นที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน มัสก์เคยมีประวัติการประกาศเป้าหมายที่ท้าทายแต่ไม่สามารถทำได้ตามกำหนด ซึ่งอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในครั้งนี้
สำหรับด้านการแข่งขัน บริษัทอื่นๆ เช่น Waymo และ Cruise ก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยีคล้ายกัน ทำให้เทสลาต้องเร่งพัฒนาเพื่อรักษาความได้เปรียบในตลาด
ท้ายที่สุดงาน We, Robot ของเทสลาแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลของบริษัทในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์อัจฉริยะ แม้จะมีความท้าทายหลายประการ แต่หากสามารถพัฒนาและนำมาใช้งานได้จริง ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าการคมนาคมและการทำงานของมนุษย์ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าเทสลาจะสามารถทำตามสัญญาและนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล่านี้สู่ตลาดได้ตามกำหนดหรือไม่