โจทย์ท้าทาย 'กต.' พัฒนาระบบวีซ่า หนุนยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

โจทย์ท้าทาย 'กต.' พัฒนาระบบวีซ่า หนุนยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ปัจจุบัน กรมการกงสุลอยู่ระหว่างพัฒนาระบบวีซ่า โดยเน้นการบริการทุกด้านให้เป็น e-Consular อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ให้ความช่วยเหลือคนไทย e-Help การเตรียมการ e-Visa และ e-Passport สู่การพัฒนาระยะต่อไป

ท่ามกลางความหวังจากรัฐบาลชุดใหม่ เกี่ยวกับแนวนโยบายที่ต้องการ “พาคนไทยเดินทางไปได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า" และแนวทางการตรวจลงตรา (วีซ่า) ของไทยให้กับต่างชาติที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และมุ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้คนเดินทางมาไทยมากขึ้น โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ควบคู่กับการดูแลผลประโยชน์คนไทยทุกระดับ โดยใช้ “การทูตนำเศรษฐกิจ” ไปข้างหน้า 

กระทรวงการต่างประเทศจัดการประชุมเจ้าหน้าที่กงสุลทั่วโลกแบบออนไลน์ ประจำปี 2566 เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและพัฒนาแนวทางปฏิบัติงานที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศ

“ศรัณย์ เจริญสุวรรณ” ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการประชุมเจ้าหน้าที่กงสุลทั่วโลก ประจำปี 2566 โดยย้ำถึงความสำคัญต่อการปฏิสัมพันธ์กับชุมชนไทยในต่างประเทศ การวางตัวให้เหมาะสม และมีใจรักให้บริการ เพราะชุมชนไทยมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลืองานกงสุลของสำนักงานในต่างประเทศ รวมถึงขอให้เจ้าหน้าที่กงสุลมองหาลู่ทางหรือโอกาสด้านเศรษฐกิจในประเทศนั้น ๆ 

“หลายครั้งที่ได้พบปะพูดคุยกับชุมชนไทยในต่างประเทศ ก็เพื่อนำข้อมูลมาสร้างโอกาสทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการของไทย เพราะงานกงสุลได้คลุกคลีใกล้ชิดกับประชาชน จนพูดได้ว่า เป็นการทูตเพื่อประชาชนที่จับต้องได้มากที่สุดแล้ว” ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าว 

 “รุจ ธรรมมงคล” อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศกล่าวเสริมถึงเรื่องความสำคัญในการพัฒนาตนเองให้มี “growth mindset” เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกปัจจุบัน และยังเป็นสิ่งที่ได้รับการพูดถึงกันมากขึ้น ในฐานะกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จขององค์กร โดยเฉพาะช่วงเวลาที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวินาที ทั้งจากเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม 

ปัจจุบัน กรมการกงสุลอยู่ระหว่างพัฒนาการบริการทุกด้านไปสู่การเป็น e-Consular อย่างเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบเก็บข้อมูลด้านกงสุล Consular Index การพัฒนาแอปพลิเคชัน Thai Consular App ระบบให้ความช่วยเหลือคนไทย e-Help การเตรียมการ e-Visa และ e-Passport ให้ไปสู่การพัฒนาระยะต่อไป การใช้ระบบติดตามผลการดำเนินการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร (Overseas Voting Mornitoring System – OVMS) ที่จะนำมาปรับใช้กับการลงประชามติในอนาคต รวมทั้งเปิดตัวระบบคลังข้อมูลกงสุล e-Consular Manual เป็นครั้งแรกในช่วงประชุมเจ้าหน้าที่กงสุลฯ 

ตัดภาพไปที่การประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อต้นสัปดาห์ นำโดย “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับผู้ประกอบการสายการบินของไทย 8 สายการบิน ประกอบด้วย การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ นกแอร์ ไทยสมายล์ ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท ดูเหมือนว่า เศรษฐาต้องการอัดยาแรงปลุกการท่องเที่ยวไทย รับนักเดินทางช่วงไซซีซัน และมีส่วนสนับสนุนยอดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจีน 5 ล้านคนในปีนี้ 

รัฐบาลเพื่อไทยมีแผนจะไปโปรโมตการท่องเที่ยวไทยในต่างประเทศปี 2567 ดังนั้นการปรับหลักเกณฑ์การให้วีซ่า (บางประเทศ) ของไทยจะมีความเกี่ยวเนื่องกับหน่วยงานและกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่จำเป็นต้องทำควบคู่กันไป   

ปัจจุบัน กรมการกงสุล มีแนวทางช่วยให้การยื่นคำร้องขอวีซ่าของชาวต่างชาติไม่ยุ่งยากอีกต่อไปด้วยระบบ e-Visa ที่สามารถยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว 21 แห่งใน 9  ประเทศได้แก่ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ เกาหลีใต้ แคนาดา นอร์เวย์ สวีเดนและเดนมาร์ก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

แต่บางคนบางกลุ่มเกิดข้อกังขาว่า การยื่นขอ e-Visa จะใช้เวลาพิจารณาและอนุมัติเป็นเวลานานกว่า แล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนหรือกลุ่มนี้หนีไปเที่ยวประเทศอื่น ทั้งที่ความเป็นจริง คนจีนสามารถยื่นขอวีซ่าที่ผู้ถือพาสปอร์ตสามารถขอได้ ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองในประเทศ (Visa on Arrival) 

เรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายความสามารถของกระทรวงการต่างประเทศอย่างมาก ที่มีความตั้งใจสนับสนุนทุกแนวทางเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้มาตรการพิจารณาการให้วีซ่าที่ต้องการยกระดับกลุ่มนักท่องเที่ยว และยึดหลักการความมั่นคงของประเทศ